มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก World Peace
University
เมื่อได้เห็นหรือได้ยินชื่อว่า “สันติภาพโลก” วิญญูชนทั่วไปย่อมจะรู้สึกขึ้นมาทันทีเลยว่า.....เป็นประโยคที่.....ให้ความรู้สึกไปในทางที่ดี
ทำให้คิดจินตนาการต่อไปได้ว่า เป็นสิ่งที่สังคมโลกของคนทุกเผ่าพันธุ์
ต้องการสันติภาพและสันติภาพนั้นก็ย่อมนำมาซึ่งสันติสุขดังนั้นสันติภาพจึงเป็นพื้นที่ทางความคิดของคนดี
ผู้มีวิสัยทัศน์ ( VISION ) ที่กว้างไกลไร้ขอบเขตจำกัด
สันติภาพที่ไร้ขอบเขตจำกัดจึงไม่ควรถูกจำกัดอยู่จำเพาะองค์กรหนึ่งองค์กรใด
และควรที่จะกระทำให้เกิดขึ้นให้ได้ในทุกๆหน่วยของสังคม ทั้งระดับครอบครัว ชุมชน
สังคมใหญ่ในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศ ภูมิภาค ทวีป และโลก !
สันติภาพจึงมิใช่เป็นทรัพย์สมบัติหรือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของใครคนใดคนหนึ่ง
แต่เป็นของทุกคน หากสังคมใดต้องการให้มีสันติภาพเกิดขึ้น
สังคมนั้นย่อมต้องให้การยอมรับและมองให้เห็นคุณค่าของคนในสังคมนั้น
โดยต้องไม่กีดกันความแตกต่างที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม
ดังเช่นในสังคมของชุมชนที่มีปราชญ์ชุมชน
ที่เรียนรู้พัฒนาตนเองด้วยวิธีการคิดและลงมือปฏิบัติไปในทางสร้างสรรค์และเกิดผลดีต่อส่วนรวม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราจึงเห็นว่าสินค้าที่เรียกว่าโอทอป(OTOP)
หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ได้ถูกนำเสนอสู่สังคมตั้งแต่ชุมชนเล็กๆจนกระทั่งถึงตลาดโลก
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นภูมิปัญญาธรรมชาติที่เป็นความสามารถ
ซึ่งมีอยู่ในรูปแบบของพรสวรรค์หรือความสามารถเฉพาะตัวของบุคคลแทบทั้งสิ้น
ความเป็นศิลปินจากความเป็นคนเหมือนกัน แต่ความสามารถที่เป็น “พรสวรรค์ต่างกัน”
จึงทำให้ศิลปินคนนั้นกลายเป็นขวัญใจของประชาชน
และยังมีคนอีกจำนวนมากมายที่อยู่ในหลากหลายอาชีพ เขาเหล่านั้นมีความสามารถ มีฝีมือ
มีความชำนาญ มีความเฉลียวฉลาดไร้ขอบเขตจำกัด
แต่เขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือในระบบของการศึกษาที่ถูกสังคมตีกรอบให้เขาเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึง
เพียงเพราะเหตุปัจจัยทางการเงิน หรือความสัมพันธ์กับบุคคลพิเศษ
ผู้มีอำนาจไม่เปิดโอกาสให้เข้าถึงได้โดยง่าย หรือเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ
ทางวัตถุหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือเพราะความมั่นใจในสิ่งที่เป็นตัวตนของตนเองจึงกล้าแสดงออกถึงความคิดเห็นและการกระทำอื่นๆที่โดดเด่นจนเป็นเหตุให้มีการ “สกัดดาวรุ่ง” จากผู้มีอำนาจที่มีจิตริษยาไม่อยากเห็นผู้อื่นดีกว่าตน จนเกิดความ
“หมั่นไส้” สังคมไทยจึงถูกปล่อยปละละเลยให้สิ่งต่างๆดังกล่าวมาเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
เป็นเหตุให้การบริหารจัดการเกี่ยวกับสังคมอยู่ในรูปแบบ “ติดหล่ม”เคลื่อนไหวไปมาลำบาก การสถาปนายอมรับ
ต้องอยู่ในกรอบที่บางเรื่องราวไม่มีความจำเป็นต้องนำเอากรอบเดิมที่ล้มเหลวซ้ำซากมาเป็นกรอบครอบงำสิ่งที่ถูกสร้างสรรค์ใหม่อีกต่อไป
ดูเหมือนสังคมไทยยังคงเป็นอยู่เช่นนี้
อีกอย่างโดดเด่นเห็นได้ชัด จึงกลายเป็นเสียงบ่นจากทางสังคมว่า “คนดีไม่กล้าแต่คนบ้าฮึกเหิม”
คนทำดีไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งดีๆ แต่คนไม่ดีกลับได้รับการส่งเสริม
คนมีความรู้ความสามารถขาดกำลังใจ เพราะถูกกีดกัน
คนเป็นผู้นำขาดหลักธรรมาภิบาลที่ดี คนไม่ดีกลับใช้ความสามารถทางวิชามารเพื่อเป็นฐานก้าวข้ามหัวคนดีที่ไม่กล้าหาญ
เพราะหากคนดีกล้าหาญแต่เป็นระบบข้าราชการแล้วละก้อเป็นอันต้องทำให้อนาคตมืดมน
เราจึงเห็นคนดีคนเก่งในระบบราชการกลายเป็น “ จิ้งจกเปลี่ยนสี
” เพราะเหตุว่ามีคนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ
เมื่อความไม่ดีเข้ามาครอบงำสังคมความไม่ชอบธรรม ความไม่เที่ยงธรรม
ความไม่รักษาน้ำใจ ความไม่เอาไหน ต่อการยอมรับยกย่องคนดี จึงมีให้เห็นอย่างเด่นชัด
แล้วสันติภาพและสันติสุขจะเกิดขึ้นในสังคมได้อย่างไร เพราะเราได้ปล่อยให้ความดี
ความถูกต้อง ความยุติธรรม ถูกใส่กรอบไว้จำเพาะเหตุผลที่คนนำไปเข้าข้างตนเองว่าถูกต้องเท่านั้นเอง
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกเกิดขึ้นจากแนวความคิดและมุมมองที่คมชัดจากนักวิชาการผู้รักสันติภาพ
ที่เป็นผู้กล้าหาญในการใช้ประสบการณ์ชีวิตของความเป็นครูและเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
ถ้าให้กรอบของความเป็นอาจารย์ซึ่งเป็นข้าราชการที่มียศถาบรรดาศักดิ์นำหน้าอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นเวลา
30 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่กล้าคิด กล้าพูด
กล้าทำ เป็นผู้ที่เคยเป็นทั้งผู้ตามและผู้นำทางวิชาการและการบริหาร
เป็นผู้กล้าคิดกล้าเขียนและกล้าสอนให้ลูกศิษย์ลูกหากล้าคิดนอกกรอบ
กล้าแหวกกรงความคิดด้านวิชาการสู่การปฏิบัติที่ต้องใช้เวลาในการต่อสู้กับความคิดของผู้ต่อต้านซึ่งยังเป็นนักวิชาการที่อยู่ในกรอบอย่างทรนง
จนกระทั่งสังคมโลกแห่งความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างแห่งรูปแบบการเรียนการสอนที่ผู้สอนและผู้เรียนไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ในกรอบเดิมแบบไทยๆในอดีตอีกต่อไปและแล้ว
นักวิชาการผู้กล้าหาญอย่างชาญฉลาด คือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สวัสดิ์ บันเทิงสุข จึงได้ลงนามในคำแถลงร่วม (Joint Statement กับ UN – ESCAP และ UNESCO เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ.2000)
เพื่อการขับ
เพื่อสันติภาพทั้งนี้เพื่อให้เกิดสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย โดยมี สะพานมิตรภาพไทย –
พม่า ที่แม่สอดเป็นการเชื่อมโยงให้การเดินทางโดยทางบก (Land Route)
ในการเดินหน้าทางวิชาการนอกกรอบโดยอาศัยความเป็นสากลมาให้คนไทย ผู้ใฝ่รู้
ใฝ่ศึกษาทางวิชาการในรูปแบบการเรียนการสอนแบบนอกกรอบและไม่กีดกัน
พร้อมด้วยส่งเสริมให้ยังคงมีรูปแบบการเรียนการสอนในกรอบมหาวิทยาลัยแบบเดิมๆอยู่บ้างแต่ก็มิปล่อยให้ผู้เรียนต้องหลงทาง
เส้นทางแห่งการส่งเสริมสถาปนาภูมิปัญญาของคนที่เดินอยู่บนถนนสายความจริง
ซึ่งยิ่งเดินไปยิ่งไกลและยิ่งกว้าง
จึงถูกสร้างขึ้นมาในกรอบความคิดในทางปฏิบัติของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกซึ่งต่อมายังมีปฏิญญาเชียงรายและอีกหลายบันทึกข้อตกลงกับองค์กรต่างๆอย่างกว้างขวางจากการเดินทางด้านการศึกษาในระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศ
และการใช้ชีวิตของความเป็นนักวิชาการในระดับศาสตราจารย์
และการเขียนหนังสือนอกกรอบทางวิชาการ
การฝึกอบรมให้ผู้ใฝ่หาความรู้เพื่อการพัฒนาชีวิตตลอดช่วงชีวิตของผู้เป็นครูอาจารย์
จึงรู้จริงเห็นแจ้งว่าเป็นเวลาที่จะต้องยกระดับคุณค่าของคนบนเส้นทางของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
บนพื้นฐานทางความคิดที่ต้องปรับความคิดให้ทันคน ปรับคนให้ทันความเปลี่ยนแปลง
ปรับความเปลี่ยนแปลงให้ทันยุค
แล้วก็ถึงยุคแห่งการร้องหาสันติภาพในสังคมโลกซึ่งกำลังมีเสียงดังกึกก้องขึ้นในทุกขณะ
อุปสรรคของสันติภาพจากการถูกกีดกันหรือตีกรอบครอบงำ จะไม่สามารถเติบโตได้อีกต่อไป
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกจึงมีคณะนักวิชาการ นักบริหาร นักธุรกิจ
ที่มีแนวคิดและมุมมองไปในทิศทางเดียวกันได้ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยภายใต้สัมพันธภาพที่ดีกับนักวิชาการในต่างประเทศอย่างแนบแน่น
โดยมีที่อยู่ของสำนักงาน งานมหาวิทยาลัยอยู่เลขที่ 506
Parkside Place, Indian Harbor Beach, FL 32937 USA. Tel : 321 777 2323 FL.USA.(รัฐฟลอริดา)
โดยมีศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สวัสดิ์
บรรเทิงสุข เป็นอธิการบดี
ศาสตราภิชาน ดร.เรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ ดร.ศุภณัฐ ดอนจันทร์
เป็นนายทะเบียนมหาวิทยาลัย
และมีนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิทางสังคมอีกมากมายได้ร่วมกันสถาปนามหาวิทยาลัย
ให้ก้าวไปสู่สังคมด้วยอุดมการณ์แห่งการสร้างสรรค์ให้เกิดสันติภาพขึ้นในทุกหน่วยของสังคมโลกในวันที่
3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ณ โรงแรมแชงกรีลา จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งในวันสถาปนามหาวิทยาลัยนั้นทางฝ่ายบริหารได้เสนอชื่อและรับรองบุคคลต่างๆที่มีวุฒิภาวะทางสังคม
มีผลงานและประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่าและสามารถพัฒนาสร้างสรรค์สังคมให้เป็นไปในทางที่ดีได้ซึ่งมีทั้งข้าราชการทุกระดับและบุคคลทั่วไปที่สามารถประกอบสัมมาชีพให้ดำรงตนอยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดีพร้อมที่จะสอนให้สังคมได้เรียนรู้และปฏิบัติตามได้ ซึ่งจะมีพิธีมอบวุฒิบัตรที่สำคัญยิ่งในระดับ บัณฑิตกิตติมศักดิ์ , มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และ ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
พร้อมด้วยการแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการให้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษทางวิชาการในระดับ ศาสตราจารย์กิตติคุณ(Emeritus Professor) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ(Honorary
Professor) ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ (Honorary Professor)
เพื่อบุคคลต่างๆที่ได้รับปริญญาบัตรและคุณวุฒิทางวิชาการ
จะได้เป็นบุคคลต้นแบบของสังคมโลกใหม่
ที่มีการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ได้จากทั่วทุกมุมโลกอย่างไร้ขอบเขตจำกัด
และจะได้เป็นภูมิปัญญาสากลที่คนทั่วโลกสามารถนำไปใช้เป็นวิธีการคิด
วิธีการปฏิบัติและไม่ตัดโอกาสคนดี คนมีความสามารถ คนที่มีความเป็นปราชญ์ของสังคม
ที่ไม่ต้องติดหล่มเพราะกรอบของสังคมที่แคบอีกต่อไปเหตุฉะนั้น การให้โอกาส
การส่งเสริมยกระดับคุณค่าของคนในสังคมโลกจึงเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพที่ดีโดยไม่จำเป็นต้องมีเงิน
และติดอยู่ในกรอบเดิมเสมอไป
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
อันเป็นโลกกว้างทางความคิด และโลกกว้างทางวิชาการที่มีการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมการเรียนรู้
การยกย่องเชิดปูชนียบุคคลของสังคม
การให้เกียรติผู้มีประสบการณ์ชีวิตอันเป็นทฤษฎีแห่งการปฏิบัติในทางสร้างสรรค์
และเขาเหล่านั้นยังคงมีอยู่อีกมากมายในทุกระดับของสังคม
หวังว่าอุดมการณ์แห่งการสร้างคุณค่าให้เกิดแก่คนบนเส้นทางชีวิตสายสำคัญแห่งมนุษยชาติ
ซึ่งได้ถูกประกาศและสถาปนาในวันนี้นั้น
จะทวีคุณค่าและขยายผลสู่คนทุกชนชาติด้วยความสามารถและความเฉลียวฉลาดจากภูมิปัญญาที่ไร้ขอบเขตจำกัด ขอแสดงความยินดีต่อผู้มีความรู้ มีความสามารถที่ได้รับการยอมรับและการมองเห็นคุณค่าของคำว่า
“คนดี คนมีฝีมือ คนมีความสามารถ
คนมีประสบการณ์ คนสร้างสรรค์สังคม
ซึ่งสมควรแล้วด้วยประการทั้งปวงกับคุณวุฒิทางวิชาการและปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์
แห่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่จะต้องไม่หยุดนิ่ง
หากแต่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ให้เกิดสันติภาพอันจะก่อให้เกิดสันติสุขขึ้นในทุกระดับของสังคมตลอดไป
ด้วยความปรารถนาดีจาก
ฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
3 พ.ย. 2555
-ขอบคุณครับ
ตอบลบการยื่นคำให้การต้อสู้คดี จะต้องแจ้งให้ทนายความยกประเด็น " ผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย มาตรา 2 (4) ปวิอาญา ให้กำชับทนาย " บุคคลนั้นต้องไม่เป็นผู้เข้าไปเกี่ยวข้องร่วมการกระทำความผิดนั้น" เบาะแสไม่มีอำนาจเป็นผู้ร้อง ยื่นคำร้องใด ๆ ต่อ สกอ. DSI สำนักพุทธ กองปราบ อื่น ๆ คือประเด็นที่จะยกฟ้อง
ลบผมกำลังรวบรวมบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนีเพื่อแจ้งความดำเนินคดี เสกสรร กับพวก เป็นรายคน และให้สมาชิกทุกคนที่รับเกียรติ มอบอำนาจยื่นเป็นโจทก์ร่วม เพื่อเรียกศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์กลับคืนมา ครับท่าน Rawat
ท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ตอบลบโปรดติดต่อ ศรีไพร ประสาทสงค์ โทรศัพท์ 089-090-0376
การดำเนินการใด ๆ การวิพากษ์ควรเป็นเหตูและผลของเรื่องนั้น ๆ ไม่ควรเอาความรู้สึกของตนเอง เอาความคิดของตนเองที่เคยเชื่อกันมา โดยไม่ได้มองในเรื่องข้อกฎหมาย เป็นการวิพากษ์ที่ไม่ยกกระดับตนเองให้เป็นผู้นำทางความคิด การศึกษาเป็นเรี่องของวิถีชีวิต ไม่มีโรงเรียนก็ศึกษาจากธรรมชาติ เรียนจากตนเอง เข้าใจตนเอง ไม่ละเมิดคนอื่น เข้าใจหน้าที่ตนเอง มีสติ ทำหน้าที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้สังคม อย่าใช้ตนเองเป็นศาลตัดสินคนอื่น องค์กรค์อื่น สังคมจะสงบน่าอยู่ ถ้าคิดไม่เป็นก็ฝังให้มากอ่านให้มาก พิจารณาตนเองให้มากขึ้น จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ตอบลบ