ทำความเข้าใจด้วยคำอธิบายอย่างง่ายๆ
เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก World Peace University
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก (World Peace
University) มิใช่มหาวิทยาลัยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ หน่วยงานที่กำกับดูแลด้านมหาวิทยาลัยของรัฐหรือเอกชนในประเทศไทย
คำว่า “มหาวิทยาลัย”
มิใช่เป็นลิขสิทธิ์ของผู้ใดผู้หนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่งเฉพาะ
แต่ชื่อมหาวิทยาลัย “สันติภาพโลก” (World Peace University)
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้ก่อตั้งและผู้เป็นเจ้าของมหาวิทยาลัย คือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ
ดร.สวัสดิ์ บันเทิงสุข (Emeritus Prof. Dr.Sawat Banterngsook Ph.D) อดีตอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประมาณ 30 ปี
และอดีตประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2 สมัย (8ปี)
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกมิได้เป็นนิติบุคคลที่อยู่ในประเทศไทย
จึงมิได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรที่ดูแลมหาวิทยาลัยที่รัฐรับรองและมหาวิทยาลัยมิได้ดำเนินกิจกรรมที่ทำให้เสื่อมเสียต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือดำเนินกิจกรรมที่เป็นการละเมิดสิทธิ์เสรีภาพของบุคคลใดๆ
แต่กลับเสริมสร้างคุณค่าของคนโดยมิได้แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนาและชนชั้น
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
มีภูมิลำเนาอยู่ในรัฐ ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา
นั่นคือมีความเป็นนิติบุคคลอยู่นอกประเทศไทย มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
มีแนวทางการเรียนการสอนตามวิถีธรรมชาติที่มนุษย์สะดวกที่สุด
และผ่านโลกไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมทั้งระบบออนไลน์และมิได้อยู่ในกรอบเสมือนมหาวิทยาลัยที่ถูกควบคุมโดยรัฐ
ซึ่งจะต้องมีห้องเรียนหรือชั้นเรียนต่างๆ อย่างน้อย 50% ดังนั้นวุฒิบัตร
ประเภทต่างๆของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกจึงไม่สามารถและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำไปใช้แสดงเพื่อใช้สิทธิ์ต่างๆในทางราชการเพราะว่าเป็นวุฒิบัตรแห่งชีวิต
ซึ่งเป็นผู้มีความสามารถในการดำรงตนอยู่ได้เหนือกว่าความจำเป็นที่จะต้องนำเอกสารของมหาวิทยาลัยไปใช้สิทธิ์เรียกร้องสิทธิ์ใด
ๆ ต่อหน่วยงานราชการ (เป็นเกียรติเฉพาะที่มนุษย์ผู้มีความเหมาะสมที่พึงจะได้รับ)
ของคนในสังคม
เรื่องของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกจึงเป็นเรื่องของการสร้างสันติภาพของโลก
มิใช่เป็นเรื่องย่อยๆหยุมหยิมของประเทศใดประเทศหนึ่ง
การเรียนการสอนเป็นการก้าวทันโลกยุคใหม่อย่างรวดเร็วไม่จำเป็นต้องให้ระบบใดๆมาตีกรอบให้อยู่หรือให้เป็นแบบของผู้ที่จะบังคับหรือถูกควบคุม
เป็นเรื่องของเสรีภาพทางวิชาการที่ถูกต้องและหลักวิชาการดังกล่าวนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
มาตรา 50 อยู่แล้วซึ่งมีข้อความว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการการศึกษาอบรม
การเรียนการสอน การวิจัยและการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครองทั้งนี้
เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่พลเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน”
ดังนั้น
ผู้ที่เป็นผู้ประประสิทธิ ประสาทวิชาความรู้ให้แก่ผู้คนโดยทั่วไปของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
จึงมีทั้งนักวิชาการที่อยู่ในแวดวงวิชาการ
เป็นศาสตราจารย์ผู้มีความรู้ด้านวิชาการจริง และมีทั้งนักวิชาการผู้มีประสบการณ์ด้านการปฏิบัติจริง
มีความสามารถเฉพาะด้านจริงๆ และปริญญาบัตรก็ออกให้โดยนักวิชาการผู้มีสิทธิ์และมาตรฐานทางวิชาการและมาตรฐานของผู้มีวิชาชีพและเป็นผู้มีการศึกษาในระดับปริญญาเอกอย่างน้อย
2 ท่าน จึงเป็นผู้ลงนามรับรองในปริญญาบัตร
ซึ่งมิได้แตกต่างหรือด้อยมาตรฐานไปจากแวดวงของนักวิชาการด้านการศึกษาที่เป็นสากลแต่ประการใด
เพียงแต่มีความแตกต่างด้านความคิดก้าวหน้าจากบรรดาผู้ที่มีความคิดที่ถอยหลังและวิสัยทัศน์แคบกว่าเท่านั้นเอง
สภามหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ได้มีมติเพื่อการมอบดุษฎีบัณฑิต (กิตติมศักดิ์) แก่บุคคลที่มีความเหมาะสม
มีความสามารถมีประสบการณ์ชีวิต ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
มีผลงานทางสังคมอย่างกว้างขวาง ถือว่าเป็นการมอบปริญญาชีวิตให้แก่บุคคลพิเศษทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกโดยมิได้มีการตีกรอบเพื่อแบ่งแยกมาตรฐานด้านคุณค่าของคนแต่ประการใด
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกไม่สามารถเรียกเก็บเงินและไม่สามารถออกเอกสารทางการเงินที่ใช้ภายในประเทศให้แก่บุคคลใดๆได้
เพราะมิใช่เป็นนิติบุคคลในประเทศไทย แต่มีสิทธิ์ให้ความรู้
ให้การศึกษาอบรมแก่คนในประเทศได้ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ (มาตรา 50) แต่หากมีผู้ประสงค์อย่างชัดเจนจะบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนงานกิจการของมหาวิทยาลัยเพื่อทำประโยชน์แก่สังคมและมนุษยชาติย่อมสามารถ
บริจาคเงินเข้ามูลนิธิศรัทธาได้ ซึ่งมูลนิธิศรัทธา เป็นนิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศไทย
และมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาแก่บุคคลทั่วไปทั้งในและต่างประเทศอยู่แล้ว
(ในวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 ของมูลนิธิ) โดยผู้บริจาคย่อมระบุวัตถุประสงค์
เพื่อมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกได้เลย ซึ่งมูลนิธิศรัทธาได้มีมติของกรรมการบริหารมูลนิธิ
(อยู่ในบันทึกรายงานการประชุม) ให้รับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
อยู่ในความอุปถัมภ์ของ มูลนิธิ เมื่อปี พ.ศ.2555
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
จึงไม่เกี่ยวกับนโยบาย การบริหารจัดการหรือการควบคุมขององค์กรใดๆ มหาวิทยาลัยฯ มีความเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง
หากผู้ใดกล่าวหาว่า มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยเถื่อน
ถือว่ามีเจตนาทำให้ชื่อเสียงของ มหาวิทยาลัยเสื่อมเสีย
ทางผู้เป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยสามารถดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทได้และเรียกร้องค่าเสียหายได้
และผู้กระทำความผิดจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้นซึ่งอาจจะมีผู้ที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากผลกระทบด้านชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยที่เกิดขึ้น
เป็นโจทย์ฟ้องดำเนินคดีเพิ่มขึ้นโดยที่ทางมหาวิทยาลัยไม่สามารถที่จะยับยั้งการใช้สิทธิทางกฎหมายของบุคคลเหล่านั้นได้ด้วยเช่นเดียวกัน
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ได้มอบปริญญาชีวิต ให้แก่คนทำดี คนมีคุณค่าแห่งชีวิต คนมีคุณค่าทางสังคม
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ได้กระทำในสิ่งที่มหาวิทยาลัยธรรมดาในระบบทำได้ยาก
การให้ดุษฎีบัณฑิต การให้ปริญญาหรือตำแหน่งทางวิชาการ (กิตติมศักดิ์)
จึงมิได้ทำให้ผู้ใดได้รับความเสียหาย หากมีการกล่าวหาในทางเสียหายนั่นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดจากความไม่เข้าใจหรืออาจจะเป็นเพราะความอิจฉาริษยาของผู้ที่ขาดความเข้าใจและไม่อยากเห็นใครดีกว่าตนเท่านั้นเอง
การสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นแก่คนในทุกระดับของสังคม
จึงไม่ควรมีกรอบครอบงำหรือบังคับและโดยเฉพาะประเทศไทยของเรากำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน
(AEC) ดังนั้น
แนวทางในการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยจึงกำลังก้าวเข้าสู่ความก้าวหน้าของโลกที่เรียกกันว่า
ร่วมกันสร้างสันติภาพ มิใช่การก้าวถอยหลังสู่ยุคด้อยพัฒนาอีกต่อไป
ประสบการณ์ของคนสู้ชีวิต
ของผู้ประสบความสำเร็จของนักต่อสู้ผู้เสียสละเพื่อมวลมนุษยชาติที่มิได้แบ่งแยกเพราะการเมือง
เพราะระบบผลประโยชน์ เพราะระบบราชการ ของประเทศ หรือเพราะระบบคณะนิกายของศาสนาใดๆ
การทุ่มเทชีวิตและทรัพยากรในการกระทำดี
ของผู้เสียสละควรจะได้รับการยอมรับและยกย่องจากสังคมจากหน่วยเล็ก ๆ
ไปสู่หน่วยที่กว้างใหญ่ขึ้น
การนำมาตรฐานขององค์กรทางการศึกษาใดๆที่ถูกตีกรอบครอบงำสังคม
จะไม่สามารถก่อให้เกิดสันติภาพได้ หากยังคงมีการรังเกียจ เหยียดหยันหรือสร้างเงื่อนไขให้เข้าใจกันเพียงเพื่อผลประโยชน์แห่งตน
แบ่งพรรคแบ่งพวก และใช้กฎเกณฑ์ที่ต้องอาศัยปริมาณเงินบริจาคซึ่งต้องเป็นหลักล้านหรือ
หลายๆ ล้าน จึงจะมีสิทธิ ดังที่รู้ที่เห็นกันอยู่แล้ว เพียงเพื่อการรับมอบปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิต
ซึ่งย่อมเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่ในปัจจุบันแล้วว่า คนดี
คนเก่ง คนมีความสามารถ คนที่มีประโยชน์ต่อสังคม แต่ไม่มีเงิน
กลายเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ด้อยค่าถูกลืม รู้สึกว่าเขาด้อยค่าเพราะเขาไร้ปัจจัยด้านการเงินที่จะช่วยสนับสนุนและประกอบกับเขาเหล่านั้นมิใช่พวกพ้องของตน
หรือหากจะพิจารณาดูจากในสังคมของการมอบรางวัลอันสำคัญให้แก่บุคคลทั่วไปที่อาจจะถูกอุปโลกน์ว่าสำคัญ
เพียงแค่ว่าใครพวกใคร มีกำลังเงินเท่าไหร่ แล้วสังคมไทยจะเกิดกำลังใจหรือจะมีการพัฒนาให้กว้างขวางด้วยความสามารถและมีการนำประสบการณ์ของชีวิตที่แท้จริงของคนดี
คนเก่ง แต่ยากจนหรือด้อยโอกาสมาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านการพัฒนาได้อย่างไรกัน?
และ ถ้าใครบอกว่า
พยายามสืบค้น (Search)
หารายรายละเอียดของ มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก แล้วไม่มีรายละเอียดมากมายนักหรือหาไม่เจอ
จึงมิใช่เป็นเรื่องที่แปลกอะไร เพราะว่ามหาวิทยาลัย
แห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยสันติภาพแห่งแรกของโลก และมีคนไทยเป็นเจ้าของและเป็นการเปิดกว้างในการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่คนทั้งโลก
ซึ่งเพิ่งจะมีการสถาปนามหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ณ โรงแรมแชงกรีล่า
จ.เชียงใหม่
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในแบบของเสื้อครุยของบัณฑิตในระดับต่าง ๆ และมิได้ลอกเลียนแบบมาจากมหาวิทยาลัยใด
ๆ มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกมีผู้เป็นเจ้าของชื่อมหาวิทยาลัย
และตราโลโก้ของมหาวิทยาลัยคือศาสตราจารย์ กิตติคุณ ดร. สวัสดิ์ บันเทิงสุข (Emeritus Prof. Dr.Sawat Banterngsook Ph.D) โทร:081-1122588 และมิได้ลอกเลียนแบบตราโลโก้หรือใช้ชื่อให้ซ้ำหรือให้พ้องกับชื่อของมหาวิทยาลัยใด
ๆ
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
มิได้แอบอ้างชื่อหรือตราเครื่องหมายของ มหาวิทยาลัยของรัฐหรือองค์กรใดๆ ของรัฐ
หรือเอกชนใด ๆ และแบบปริญญาบัตรหรือแบบสื่อการเรียนการสอนก็มิได้ลอกเลียนแบบของใครจึงมิได้กระทำการละเมิดต่อผู้ใดเพียงแต่เป็นการกระทำเพื่อมนุษยชาติในทางสร้างสรรค์เป็นหลัก
การมอบความสุข
การเสริมสร้างคุณค่าของบุคคล การสร้างขวัญและกำลังใจ การส่งเสริมให้คนทั่วไปรู้เรื่องและเข้าใจเรื่องสันติภาพและการกระทำความดีต่อผู้ที่ได้รับเกียรติบัตรให้มีแต่ความสุขและความภาคภูมิใจในประสบการณ์และวันเวลาแห่งชีวิตที่ผ่านมา
จึงมิใช่เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดๆ
ดังนั้นหากมีผู้คนซึ่งอยู่ในกรอบของความเคยชินแบบมหาวิทยาลัยในกรอบแห่งอุดมคติของตน
และของโลกยุคเก่า ซึ่งเรากำลังจะก้าวข้ามไป เพียงเพราะไม่เคยได้ยิน! หรือไม่คุ้นเคย! หรือไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน?
แล้วผิดกฎหมายหรือไม่ (กฎหมายอะไร...ของใคร...!) หรือว่าเป็นมหาวิทยาลัยเถื่อน!
(เถื่อน เพราะตนไม่รู้..? หรือเถื่อนเพราะศาลมีคำพิพากษา
ว่าเป็นมหาวิทยาลัยเถื่อน...?)
แล้วมีผู้ใดเป็นผู้เสียหายจากการดำเนินกิจกรรมของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ถ้ามีผู้เสียหายจากการดำเนินกิจกรรมของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ก็ควรจะแสดงตนเป็นผู้เสียหายและดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด
ให้สอดคล้องกับกฎหมาย (ที่มีอย่างชัดเจน) ถ้าไม่มีผู้ใดแสดงตนเป็นผู้เสียหาย
แสดงว่า เป็นเพียงแค่คำกล่าวหาเพียงลอยๆ ของผู้ไร้วุฒิภาวะและมีจิตริษยาที่ไม่อยากเห็นใครเด่นกว่าตัวเท่านั้นเองซึ่งเข้าข่ายของการกระทำที่ผิดกฎหมายฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง
ทำให้ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง
เหตุฉะนั้น
จึงมีนักวิชาการผู้มีชื่อเสียง ผู้มีวุฒิภาวะสูงทางสังคม ทั้งข้าราชการ
ข้าราชการการเมือง นักธุรกิจ บุคคลชั้นนำทางสังคม
ผู้มีการศึกษาในระดับสูงในสถาบันการศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน
ผู้มีชื่อเสียงแห่งวงการบันเทิง , นักสื่อสารมวลชน นักกีฬา ,
นักปกครอง , นักการทหาร , ตำรวจ , นักธุรกิจ , ปราชญ์ชาวบ้าน
จึงมีความยินดี และมีความภาคภูมิใจ ต่อการได้รับปริญญาบัตร (กิตติมศักดิ์)
เพราะคนเหล่านั้นรอคอย และคิดฝันมานานและไม่คาดคิดว่า มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก “จะเป็นคำตอบเพื่อมนุษยชาติ เพื่อชีวิตและบั้นปลายแห้งอนาคตของเขา” ในแวดวงของผู้ที่หิวกระหายหาความรู้และความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยชีวิตแห่งนี้
ฉะนั้นนอกเหนือจาก
การลงบันทึกคำแถลงร่วมกับ ESCAP และ UNESCO ซึ่งเป็นองค์กรขององค์การสหประชาชาติ
(UNITED NATION) ด้านการสร้างสันติภาพแล้ว
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกได้มีการลงบันทึกข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจร่วมกันกับ
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
และยังคงมีการแต่งตั้งตำแหน่งที่สำคัญให้แก่บุคคลที่มีความเหมาะสม และจะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันพัฒนาสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นแก่สังคมไทยและสังคมอาเซียน
และก้าวไปสู่ ทวีปแอฟริกา ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป จนกระทั่ง สู่โลกแห่งสันติภาพ
ของมนุษยชาติที่จะได้อยู่ร่วมกัน อย่างสันติร่วมกับองค์กรต่างๆ
ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีสิ่งใดจะหยุดยั้งการสร้างพลังเพื่อสันติภาพได้
ดังนั้นนักศึกษาและผู้รับปริญญาบัตรทุกประเภทของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
และนักวิชาการ พร้อมทั้งอาสาสมัครตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
คือ ผู้ที่ร่วมกันสร้างสันติภาพให้แก่ประชาคมโลก คือผู้พัฒนา
เครือข่ายแห่งสันติภาพ เพื่อสร้างความอยู่เย็นเป็นสุขของสังคมให้แก่โลกโดยมิได้ย่อท้อหรือคิดจะเลิกล้มอุดมการณ์แต่ประการใด
เหตุฉะนั้นคนในสังคมยุคใหม่จึงควรทำความเข้าใจเรื่องของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกให้กระจ่างว่า
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก มิใช่เป็นมหาวิทยาลัยในกรอบที่ติดกับดักของความคิดแคบๆของกลุ่มคนที่มิได้แสวงหาสันติภาพและละเลยที่จะเสาะแสวงหาหนทางแก้ไขในการสร้างสรรค์งานเพื่อสังคมที่มิควรเพิกเฉยหรือละเลยปล่อยให้สังคมอยู่อย่างคนป่วยทางจิตใจโดยผู้ป่วยไม่รู้ถึงอาการของตนเอง
ผู้ที่เข้าใจและยอมรับความจริงในสังคมเท่านั้นที่จะสามารถเป็นผู้รักษาความเจ็บป่วยทางสังคมได้อย่างถาวร
ด้วยความปรารถนาดีจาก
คณะผู้บริหาร มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก