เหตุใด นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
จึงได้ทำการโจมตี ให้ร้ายมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกอย่างหนัก
นับจากที่มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกได้ทำการสถาปนา
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ณ.โรงแรมเดอะแชงกรีล่า จ.เชียงใหม่
และหลังจากนั้นทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็ได้ ทำการจัดพิธีประสาทปริญญาบัตร
(กิตติมศักดิ์)ให้แก่บุคคลพิเศษของสังคมอยู่เสมอๆ และนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้รับมอบปริญญาบัตร ดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์ โดยศาสตราจารย์ กิตติคุณ ดร.สวัสดิ์
บันเทิงสุข อธิการบดีผู้ก่อตั้ง ได้เล็งเห็นความสำคัญ (ที่ยังขาดรายละเอียดอีกมากมาย)
แต่ต้องการส่งเสริมคุณค่าและให้เกียรติ บุคคลที่อ้างตนเป็นสื่อ เบาะเสีย
(โดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสื่อแท้เพื่อสังคมในขณะนั้น)
จึงมอบปริญญาบัตรให้ที่วัดห้วยปลากั้ง ทางภาคเหนือ เมื่อนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ได้เป็น ด็อกเตอร์ (กิตติมศักดิ์)
ก็มีความยินดีเหมือนกับบุคคลดีๆ โดยทั่วไป
จึงมักจะได้รับความสำคัญ จากท่าน ดร.สวัสดิ์ บันเทิงสุข
โดยการเชิญไปร่วมงาน พิธีมอบปริญญาบัตร กิตติมศักดิ์ ของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกในหลายสถานที่
และมักจะได้สวมครุยของมหาวิทยาลัย ร่วมเป็นเกียรติกับผู้รับปริญญาบัตร
ด้วยความใจดีของผู้ใหญ่รุ่นราวคราวบิดาที่เป็นครูบาอาจารย์ผู้ใจดี รู้สึกเมตตานายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ประกอบกับความเข้าใจ(ผิด) คิดว่าเป็นสื่อดี สื่อมืออาชีพเพื่อสังคม เพราะฟอร์มดี
มีการเคลื่อนไหวเป็นฝูง ดูคึกคักน่าเกรงขาม ดุจผู้มีบารมีที่มีอิทธิพล
ด้านวงการสื่อ น่าจะเป็นที่เชื่อถือของสังคมได้มาก
ความเป็นผู้มองโลกในแง่ดี
ความมีเมตตาแบบครูบาอาจารย์ จึงมองเห็นคุณค่าเพิ่มเติม จากนายแสบสันประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
จึงได้มีความตั้งใจจะร่วมมือกับ เบาะเสีย โดยมีการประชุมร่วมกันมีการบรรยายโดย
ท่านอาจารย์ สวัสดิ์ บันเทิงสุข เป็นผู้บรรยายและมีการกล่าวแสดงเจตจำนงในความร่วมมือในทำนองเหมือนกับทำ
เอ็ม โอ ยู ( MOU ) แต่ยังเป็นเพียงแค่เป็นวาจา
เพื่อสนับสนุนการสร้างสันติภาพ ซึ่งมีภาพและเสียงปรากฏอย่างชัดเจนใน VDO ที่อยู่ใน
ยูทูป (Youtube)
หลังจากวันประชุมอันหวานชื่นร่วมกันผ่านไปไม่นานนัก
นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) มักจะถูกกล่าวถึงเสมอในทางที่ดี โดย อาจารย์สวัสดิ์
บันเทิงสุข และนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) ก็ไปร่วมกิจกรรมกับอาจารย์ด้วยความยินดีและมีเกียรติในหลายๆ
งาน ความใกล้ชิดและสนิทสนม ระหว่างอาจารย์ และลูกศิษย์ใหม่ค่อนข้างจะถูกใจ
ผู้ใหญ่ใจดี ที่อาจจะพลั้งเผลอพูดให้ตำแหน่ง แต่งตั้งเป็นใครบางคน
ของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ตามประสาผู้ใหญ่ปากไวใจดี มีเมตตาต่อทุกคน
ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายจึงดำเนินไปอย่างค่อนข้างจะราบรื่น
คล้ายๆกับต่างฝ่ายต่างหลงใหลซึ่งกันและกัน
อยู่มาวันหนึ่ง ท่านอาจารย์ได้ไปทำการมอบปริญญาบัตรที่วัดแห่งหนึ่งแถวๆ
จังหวัดนครปฐม และด้วยความเป็นผู้ใหญ่ ผู้มีความมั่นใจสูง
ได้พลั้งเผลอพูดจาผิดพลาด เป็นเหตุให้บรรดาลูกศิษย์และผู้ศรัทธาใหม่ๆ
ไม่ค่อยสบายใจนัก ตัวท่านอาจารย์จึงตระหนักรู้ว่า ตนเองได้กระทำผิดพลาดด้วยคำพูด
ท่านจึงบ่นกับเพื่อนร่วมงานและศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่า “ท่านเสื่อมแล้ว”
ท่านอยากจะลาออก และท่านก็ตัดสินใจประกาศลาออก
จากการเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก( WPU ) โดยศิษย์ใหม่ก้นกุฏิบางคนก็ทำหน้าที่พิมพ์คำประกาศลงในอินเตอร์เน็ต
เกี่ยวกับข่าวของมหาวิทยาลัย และการลาออกจะมีผลในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.
2556 ณ.สนามกอร์ฟกัสซัน
จังหวัดลำพูน เพราะว่าในวันนั้นท่านอาจารย์ จะทำการมอบปริญญา โดยการดำเนินของอาจารย์เองซึ่งตั้งใจว่าจะทำเป็นครั้งสุดท้าย
ในระหว่างนั้นบรรดาลูกศิษย์ใหม่ผู้มีความประทับใจผู้ใหญ่ปากไวใจดี
จึงมีความหวังว่า ตนน่าจะได้มีโอกาสมีตำแหน่งอันสำคัญ ได้แต่รอวันนั้นเร็วๆ และนายแสบสัน
ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) ศิษย์ใหม่ผู้มีความหวัง และหัวใจพองโต
ก็ได้รับเชิญเป็นแขกสำคัญ ไปงานดังกล่าวด้วย และในงานวันดังกล่าว
ที่มีการอบรมผู้นำที่เรียกว่า Peace Leader
ซึ่งมีบรรดาผู้ที่จะรับปริญญากิตติมศักดิ์ระดับต่างๆ ทยอยเดินทางมาถึง
ในการประชุมที่ยังไม่เต็มรูปแบบนัก นายแสบสันประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ก็ได้รับการยกย่องจากท่านอาจารย์สวัสดิ์
บันเทิงสุข ต่อหน้ากลุ่มคนเหล่านั้น ยิ่งทำให้นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
มีความหวังและมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
การเดินทางไปร่วมงานสำคัญดังกล่าว ที่นายแสบสัน
ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) เต็มไปด้วยความหวัง จึงไปแบบผู้มีพลังเช่นเดิม (ไปเป็นฝูง)
ตามประสาของคนประเภทพิเศษ และสิ่งที่น่าภาคภูมิใจซึ่งกันและกันมากก็คือ
ท่านอาจารย์สวัสดิ์ บันเทิงสุข ได้สวมป้าย (ปลอก)
ห้อยคอยี่ห้อเบาะเสียจนคนเข้าใจว่า …อ้าวอาจารย์… เป็นคนสำคัญของเบาะเสียไปซะแล้ว…อาจารย์สวมป้าย
(ปลอก)ตลอดเวลา คนหนึ่งเป็นอาจารย์สวมป้าย (ปลอก) เบาะเสีย ด้วยความยินดี
คนหนึ่งรอเข้าร่วมพิธี หวังว่าจะได้รับการประกาศเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย
ในตำแหน่งสำคัญ ช่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งและที่หนักยิ่งกว่านั้นคือ
เมื่อถึงเวลาจะทำพิธีประสาทปริญญาบัตรในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.
2556 ณ.ห้องประชุมใหญ่สนามกอร์ฟกัสซัน จ.ลำพูน
เมื่อผู้ที่จะเข้ารับปริญญาบัตร(กิตติมศักดิ์) เข้าประจำที่ค่อนข้างจะพร้อม
คณะผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องโดยตรงยืนสวมครุยประจำตัวยืนเข้าแถวให้เกียรติแก่ผู้รับปริญญาบัตร
และได้เวลาที่ประธานผู้ประสาทปริญญาบัตรขึ้นนั่งประจำที่บนเวทีและสิ่งที่ช็อคในสายตาของผู้คนในขณะนั้นคือท่านอาจารย์สวัสดิ์
บันเทิงสุข ได้เชิญให้นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
สวมเสื้อครุยของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก นั่งใกล้ในระดับเดียวกับ เจ้าดวงเดือน ณ.เชียงใหม่
ผู้ประสาทปริญญาบัตร เป็นเหตุให้นักวิชาการสตรีผู้มีวุฒิภาวะสูง ซึ่งกำลังนั่งอยู่กับพื้นเพื่อจะส่งมอบปริญญาบัตรให้ท่านประธาน
ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงนั้นไม่สามารถที่จะรับสถานะภาพของนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ซึ่งบังอาจไปนั่งเสมอกับเจ้า และเขาเหล่านั้นต้องนั่งคุกเข่าให้นายแสบสัน ประสาท
ด้วย เขาเหล่านั้นจึงลุกขึ้นเดินลงจากเวที ขอสละสิทธิ์ในการหยิบยื่นปริญญาบัตร
(เรื่องนี้นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) ไม่รู้สึกตัวและไม่เฉลียวใจอะไรเลยเพราะกำลังนั่งเป็นบุคคลสำคัญ(ผิด)
ด้วยความตื่นเต้นเพื่อฟังการประกาศแต่งตั้ง ))
ในช่วงก่อนเวลาที่จะเริ่มพิธีประสาทปริญญาบัตรเพียงเล็กน้อยนั่นเอง
ผู้ดำเนินรายการได้เรียนเชิญท่านนายกสภามหาวิทยาลัย คือ ศาสตราภิชาน ดร.เรวัตร์
ชาตรีวิศิษฎ์ เป็นผู้กล่าวคำแถลงการณ์ และลำหน้าที่อ่านมติอันสำคัญท่ามกลางผู้รับปริญญาที่นั่ง
และทำหน้าทญาติที่ยืนเต็มห้องประมาณ 250 คน
ท่านลองจินตนาการดูซิครับว่า …
ผู้ที่มีความหวังว่าจะได้เป็นใหญ่… และรอคอยมาหลายวัน
และลงทุนทำบัตรประจำตัวเบาะเสียสวมคอให้ท่านอาจารย์สวัสดิ์
และได้นั่งอยู่ตรงที่ทุกคนมองว่าต้องเป็นบุคคลสำคัญ (ที่หลายคนกำลังรอ)
ซึ่งคู่เคียงอยู่กับ ท่านเจ้าดวงเดือน ณ.เชียงใหม่ ...แน่นอนว่า…
ตื่นเต้นระทึก ต่อความหวังที่จะถูกประกาศชื่อเป็นบุคคลสำคัญอย่างแน่นอน…!
และแล้วเวลาก็มาถึง ท่านอาจารย์ เรวัตร
ประกาศในนามของผู้บริหารมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก (WPU) ซึ่งได้กล่าวถึงท่านอาจารย์สวัสดิ์
บันเทิงสุข อธิการบดีที่ได้ประกาศลาออกนั้น และตัวท่านอาจารย์ เรวัตร์
ชาตรีวิศิษฎ์ ก็ประกาศลาออกจากนายกสภามหาวิทยาลัย เช่นเดียวกันในช่วงต่อจากการประกาศโครงสร้างใหม่ของผู้บริหารมหาวิทยาลัยคือ
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก โดยมติของสภาได้กำหนดให้มีคณะผู้บริหาร ในรูปแบบของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยดังนี้
1.
ศาสตราภิชาน ดร.เรวัตร์
ชาตรีวิศิษฎ์ เป็นประธานกรรมการบริหารและเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง
และขอลาออกจากการเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยสันติภาพโลก (WPU)(หลังจากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
(WPU 2)
2.
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สวัสดิ์
บันเทิงสุข เป็นกรรมการและเป็นผู้ก่อตั้ง
(แต่พ้นจากสภาพของอธิการบดีด้วยการลาออกโดยมีผลในวันนี้) หลังจากนนั้นได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
(WPU) อีกครั้งหนึ่ง
3.
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.มาณพ
ภาษิตวิไลธรรมเป็นกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง
4.
ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ ดร.ศุภณัฐ
ดอนจันทร์
-
เป็นกรรมการ,เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง
และ
-
เป็นประธานกรรมการตรวจสอบจริยธรรมคุณธรรมของผู้บริหารมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกทุกสาขาทั่วโลก
-
เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก (WPU2) (และคงทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนของมหาวิทยาลัย)
คำประกาศดังกล่าวกระทำต่อหน้าบุคคลประมาณ 250 คน
ที่อยู่ในห้องประชุมซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีวุฒิภาวะและมีเกียรติทั้งสิ้น
คำประกาศดังกล่าวมีต้นฉบับเอกสารและมีผู้บริหารมหาวิทยาลัยอีก
หลายท่านลงชื่อให้การรับรองโดยถูกต้อง
หลังจากที่สิ้นคำประกาศ
ทุกคนในห้องประชุมได้ปรบมือแสดงความยินดีอย่างเต็มเปี่ยมด้วยแววตาแห่งความยินดีด้วยจริงใจ
แต่…นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) มีอาการผิดหวังอย่างหนัก เหมือนกับฟ้าผ่ากลางใจ
ที่เกือบจะควบคุมอารมณ์แห่งความผิดหวังไว้ไม่ได้
อารมณ์โกรธจากความผิดหวัง… ได้ถลึงตาจ้องหน้าอาจารย์ เรวัตร์ ชาตรีวิศิษฎ์
อย่างชนิดที่… ตัวท่านอาจารย์เรวัตร์ เอง…ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
แต่รู้ได้ว่า…โกรธและแค้น
ความรักในตัวอาจารย์สวัสดิ์… จึงกลายเป็นความโกรธ ความนับถืออาจารย์เรวัตรจึงกลายเป็นความแค้น
ความเริ่มจะคุ้นหน้ากับ นายศุภณัฐ จึงกลายเป็นความอับอาย ขายหน้าของนายแสบสัน
ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) โดยที่ไม่มีผู้บริหารมหาวิทยาลัยคนใด…คาดคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เพราะทุกคนเป็นคนดี มองเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นเรื่องของความเหมาะสม
มิใช่เป็นเรื่องของผลประโยชน์หรือเป็นผู้น่าเกรงขาม
แต่นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
มองเป็นเรื่องของผลประโยชน์อย่างแน่นอน… เพราะเหตุใดหรือ ?!
เมื่อเสร็จสิ้นจากงานประกาศ อีกประมาณ 10 นาที
ก่อนพิธีประสาทปริญญาบัตรจะเริ่มขึ้น
มีคณะผู้บริหารบางคนและผู้ร่วมเป็นเกียรติที่ติดภารกิจ
ก็รีบเดินทางไปสนามบินเพื่อจะให้ทันเที่ยวบิน ที่จะกลับกรุงเทพฯ เมื่อเสร็จสิ้นในพีธีประสาทปริญญาบัตร
หลายคนก็เริ่มเดินทางกลับ ผู้คนก็เริ่มส่างซา...แต่ว่า…ความหวังของนายแสบสัน
ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) กลายเป็นความโกรธและกลายเป็นความแค้น… ด้วยมิจฉาทิฏฐิ
และด้วยความหวังแห่งลาภยศ และผลประโยชน์
ทำให้นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) ขอคุยกับท่านอาจารย์สวัสดิ์ บันเทิงสุข
แบบมิใช่…ลูกศิษย์ใหม่… และคู่มิตรคู่หลงซึ่งกันและกันอีกต่อไปเสียแล้ว…
เพราะว่าธาตุแท้ตัวจริงเสียงจริง ของนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ได้แสดงต่อท่านอาจารย์สวัสดิ์ บันเทิงสุข ขอเงินสด 500,000 บาท
และขอตำแหน่งอธิการบดี…ในบรรยากาศที่คนส่างซาลงไปมาก แต่ก็ยังมีคนเห็นบรรยากาศการสนทนาประมาณ
10 คน แต่ท่านอาจารย์สวัสดิ์ บันเทิงสุข ไม่สามรถตอบสนองความต้องการของ…อันตพาล…แสบสันได้…
และแล้วต่างคนก็ต่างแยกไปตามวิถีทางของตน… บนถนนของคนที่ผิดหวังและสมหวัง
อีกไม่กี่ชั่วโมง ถัดมาถึงเวลาค่ำ
ยามดึกก็เริ่มมีข่าวโจมตี มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกจาก ผอ.เบาะเสีย
ซึ่งคนที่กำลังมีความสุขในการดูข้อมูลของมหาวิทยาลัยกลับเห็นการเริ่มโจมตี
ของนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) และเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
และเริ่มปฏิบัติการยุแหย่ แทรกแซง บิดเบือน ใส่ร้าย ตามสไตน์ของอันตพาลอาชีพ…
ความเป็นตัวตนของนายแสบสัน (พันธุ์เดิม)
เริ่มอาละวาดทางสื่ออินเตอร์เน็ตอย่างหนัก
พร้อมด้วยการหักมุมจากความจริงสู่ความเท็จและทำความชั่ว
ด้วยการมั่วตอบคำถาม
จากพฤติกรรมแห่งการกรรโชกทรัพย์ท่านอาจารย์สวัสดิ์ บันเทิงสุข เป็นเงิน 500,000 บาท
โดยการอ้างว่า ต้องการให้อาจารย์ เอาเงินคืนให้คนที่มารับปริญญา สงสารเขา อะไรทำนองนั้น นายแสบสัน ประสาท
ลืมไปว่า คนที่มารับปริญญาเขารู้ว่า ค่าห้องพักต้องเช่า ค่าอาหารต้องจ่าย
ค่าครุยต้องมี ค่าดำเนินงานต้องมี แล้วทุกอย่างจะฟรีได้อย่างไร……..? แล้วหากว่าอยากจะเอาเงินคืนให้ผู้รับปริญญาว่าถูกหลอก
แล้วนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) อยากได้ตำแหน่งอธิการบดีเพื่ออะไร
? สังคมของผู้เจริญแล้วเขารู้อยู่ว่าหมอนี่เป็นคนไม่ดี
และแล้วพยายามนำภาพที่ไปร่วมงานรับปริญญาในครั้งที่ผ่านๆมาว่า…”ใช้วิชาเข้าถ้ำเสือ
เพื่อไปเอาลูกเสือ” ก็ฟังไม่ขึ้นเพราะ
สถานที่รับปริญญาทุกที่ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่เปิดเผย ทางสาธารณะ
และในบรรยากาศก็เต็มไปด้วยคนดี ผู้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีคุณค่าแห่งชีวิต ทุกคนมีประวัติ
สวมครุยในฐานะคนดี คนมีเกียรติ และนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ก็เป็นคนหนึ่งที่ได้สวมครุย อย่างมีเกียรติเช่นกัน(ในขณะนั้น) แล้วนั่งอยู่กับเจ้าดวงเดือน
ณ.เชียงใหม่ ณ.ที่นั่นเป็นถ้ำเสือเหรอ…? แน่นอนว่า
คำอธิบายฟังไม่ขึ้นแต่อาจจะมีคนแอบคิดว่า…นั่นคือ ซาตานที่แฝงตัวมาอยู่ในหมู่เทวดา น่าจะเหมาะสมกว่า
นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) ยังคงใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่อง
ในการโทรหาเพื่อขอพบบุคคลที่เห็นว่าจะไม่คิดอะไรมาก และเชื่อง่าย
เพราะมีเมตตาจิตสูง นั่นคือ ภิกษุณี, พระสงฆ์ ซึ่งพยายามกล่าวให้ผู้ทรงศีลเหล่านั้นไขว้เขว
และคนอื่นๆนอกจากนั้นก็มักจะถูกถามถึงเรื่องการเรียกรับเงินจำนวนเท่าใด
ทำไมผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ อย่างนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
จึงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเงินว่าใครใช้จ่ายเท่าไร
ซึ่งทั้งๆที่ทุกคนที่ยินดีช่วย เป็นค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าใด มันเป็นเรื่องของผู้ที่ยินดีรับและยินดีช่วย ผู้รับปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์
ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในวิชาชีพ
เป็นผู้มีภูมิปัญญา
มีวุฒิภาวะเพียงพอ
จึงมีวิจารณญานคิดแยก ดีชั่ว แยกเหมาะสมได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ความฉลาด (แกมโกง) ของนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย
มาช่วยเหลือหรอก)
เหตุใดนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ตามติดเรื่องเงินเป็นหลัก มากกว่าการมองความจริงอย่างเป็นเหตุเป็นผล ผลจึงเกิดแก่คนรู้ทัน ที่สันนิษฐานว่าหมอนี่ อาจจะต้องการเงินไปจ่ายค่าเทอมปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยที่ตนกำลังเรียนอยู่หรือไม่
เพราะช่วงหลังหากินลำบาก เพราะเพื่อนๆเขาเรียนจบกันไปเกือบจะหมดแล้ว
และในประวัติไม่ปรากฏว่ามีอาชีพอะไรที่แน่นอน
และมีที่อยู่ก็ไม่แน่นอนและได้รับการยืนยันจากบรรดา (แปลว่าหลายคน)
ในวงการหนังสือพิมพ์ เป็นเสียงเดียวกันว่า
นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
มีอาชีพที่หากินแบบไม่ธรรมดามานานแล้ว พวกโรงงานก็โดนคนดีๆ
ที่ขี้กลัวก็โดนหมอนี้เลยได้ใจ ชอบแอบอ้างเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติตามหน้าที่
เป็นผลงานของตนว่าเป็นคนลงพื้นที่ นำจับ นำภาพแอ็คชั่นมาหลอก ชาวบ้านให้หลงเชื่อส่วนผลงานที่ว่าสามารถสืบเสาะและจัดการคนไม่ดีได้นั้นคือ แม่ชี
คือสตรีชรา
ที่ไม่สามารถสู้อะไรได้ แม่ชีมีอายุมากมีเมตตา
ใครไปหาก็ให้ฟรี แต่ไม่รู้นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
สวมวิญญาณของซาตานตนใด
ที่มีส่วนกระทำผู้ที่เป็นผู้ปฏิบัติธรรม ที่ไม่สามารถใช้จิตชั่ว มาต่อสู้กับสื่อซาตานได้เมื่อแม่ชีชรา
ผู้มีอายุมากกว่าผู้เป็นแม่ไม่สามารถต่อสู้ได้
ต้องกลายเป็นจำเลยสังคมและเทพบุตร ผู้ชนะคือ นายแสบสัน
ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) นั่นคือชัยชนะอย่างลูกผู้ชายที่ขาดความละอาย
ต่อความเป็นชายที่ยังคงเอาเรื่องราวของ แม่ชีชรา
มาหากินให้คนเชื่อถือ
ในสังคมไทยนั้นลูกผู้ชายไทยแท้ๆ เขาจะไม่ยินดีกับพฤติกรรมเช่นนี้ แล้วสื่อใหญ่ๆ ที่มีสกุลรุณชาติไม่มีใครเขาจะมาเล่นด้วยกับสื่อที่เป็นเพียง กระดาษเขียนข่าวเทียม ใครจะให้ความสำคัญ
กับนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) เขารอแต่เพียงว่า เทพบุตรซาตานในละครน้ำเน่าเรื่องอย่างแสบสัน
ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) จะจบลงเช่นไร
การให้ร้าย การโจมตี
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก จึงกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งตียิ่งดัง และสังคมจะรู้ได้เองว่า ผู้ที่ได้รับดุษฎีบัญฑิต (กิตติมศักดิ์)
ทุกท่านคือคนที่มีเรื่องราวแห่งชีวิตที่ดี
จึงได้ปริญญาแห่งชีวิตไว้เป็นเกียรติ เป็นความภาคภูมิใจ แก่ตนและวงศ์ตระกูล
แรงบันดาลใจแห่งความชั่ว ที่เป็นความโลภ และความโกรธ รวมทั้งการหลงตนของ
นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ที่พยายามทำลายมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกนั้น
ถือว่าเป็นการลบหลู่เกียรติผู้รับปริญญาบัตรซึ่ง ไม่มีใครที่จะเป็นคนโง่
แล้วไร้ปัญญาจึงได้รับปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ อย่างแน่นอน
แต่กลับตรงกันข้าม คือผู้ที่พยายามทำลายผู้อื่น ด้วยการกล่าวหาใส่ความผู้อื่นอันเป็นเท็จ
ด้วยการโฆษณา ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูถูก
เกลียดชัง จากสังคม คือองค์ประกอบอันสำคัญ
ที่เป็นรางวัลชีวิตแก่นายแสบสัน ประสาท
(ผอ.เบาะเสีย) คือการหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ถึงแม้ว่านายแสบสัน
ประสาท (ผอ.เบาะเสีย) จะหยิ่งทรนงค์ว่าข้าแน่ ข้าเก่ง ข้าไม่กลัวใคร แต่ก็หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน
และที่หนักกว่านั้น มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ระหว่างประเทศ
ที่นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)ได้กระทำการหมิ่นรัฐบาลประเทศปากีสถาน
โดยการเยาะเย้ยบุคคลและเอกสารที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ที่ทางราชการประเทศปากีสถานออกให้ โดยกระทำเป็นพฤติกรรมในทำนอง เยาะเย้ยดูถูก
เหยียดหยัน
เรื่องนี้ทางประเทศปากีสถานได้แจ้งให้สถานฑูตของเขาในประเทศไทยได้รับทราบ
และเอกสารที่เป็นการกระทำทางอินเตอร์เน็ต โดยนามของ ผอ.เบาะเสีย
และลิ่งล้อผู้หลงผิดนั้น ได้ถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้มีการ แพร่ไปทั่วโลกทำให้ประเทศปากีสถานเสียหาย
การนำภาพบุคคลสำคัญของบ้านเมืองที่ได้รับปริญญาบัตรมาล้อเลียนเยอะเย้ยก็แปลว่าการอวสานของนายแสบสัน
ประสาท จวนเจียนเต็มที่
นายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ยังไม่ทราบชะตาและอนาคต (ปกติไม่มีอนาคตอยู่แล้ว) เพราะยังไร้เดียงสา ขาดวุฒิภาวะ
ขาดความเป็นผู้มีจิตใจสูง
การกระทำดังกล่าวจะถูกแจ้งอย่างเป็นทางการต่อกระทรวงการต่างประเทศของไทย และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ชั่วคนเดียวแค่นี้ประเทศชาติเสียหาย
แล้วจะพูดว่ากู้ชาติ ได้อย่างไรกัน มาถึงจุดนี้เราคงจะรู้ได้โดยทันทีแล้วว่า
เทพบุตรซาตาน เจองานใหญ่ ผลงานสร้างความเสื่อมเสียให้ประเทศชาติและสังคม ทำลายภาพพจน์ที่ดีของวงการสื่อมืออาชีพ
ที่ตนเป็นเพียงแค่เหลือบของวงการสื่อเท่านั้นเองขาดการยอมรับในแวดวงวิชาชีพ
ที่พยายามนำไปกล่าวอ้าง เพื่อการดำรงชีพให้รอดไปในแต่ละวัน (บางวันก็ไม่ค่อยจะรอด)
ดังนั้นนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
หรือเทพบุตรซาตาน
ขอให้ทำลายมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ทำลายเกียรติภูมิของผู้รับปริญญาต่อไปเถอะ ถึงเวลานั้น รางวัลแด่คนช่างฝันจะเป็นของเธอ คือ “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
สำหรับแนวร่วมของนายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
ถ้าคิดได้เอง หากินได้ด้วยตนเอง ก็ควรจะสำนึกและกลับใจ ถอยให้ห่างไกลคนชั่ว
อย่าลืมสังคมไทยกำลังพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้น เสี้ยนหนามของคนดี เหลือบลิ้นของหนังสือพิมพ์ดีๆกำลังจะยุติ
ถ้านายแสบสัน ประสาท (ผอ.เบาะเสีย)
กลับมานั่งทบทวนดูพฤติกรรมของตนแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน…ไม่นานจะรู้ว่า…ถ้าไม่สำนึก
แล้วกรรมจะตามทัน
การหากินที่ไม่สะอาดก็แย่แล้ว
การเข้าทรงปลอมก็แย่กว่า
การไม่สำนึกก็แย่ที่สุด
ถ้า…ลูกพี่ไม่ยอมหยุด
ลูกน้องที่ยังรักเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อยู่ก็ จงหยุดเสียเถอะ
อย่างน้อยลูกหลานจะได้ภาคภูมิใจ แล้วสังคมจะให้อภัย
โดย
นายรักเกียรติ สำนึกดี
http://sekson-borsae.blogspot.com/2013/02/blog-post_26.html ผู้มีวิจารณญาณจะทราบดี
ตอบลบท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ตอบลบโปรดติดต่อ ศรีไพร ประสาทสงค์ โทรศัพท์ 089-090-0376