แสบสันต์
“เทวดา...หรือ...ซาตาน”
แสบสันต์ไม่รู้
แสบสันต์ไม่เข้าใจ แสบสันต์สัมผัสไม่ได้ แสบสันต์มองไม่เห็น เพราะแสบสันต์อยู่ในโลกแห่งความมืดทางปัญญาซึ่งมีดวงตาครบทั้ง
2 ดวง แต่หามีแววไม่
ตลอดช่วงเวลา...ที่แสบสันต์มองและคิดในมุมเดียวจึงทำให้แสบสันต์
พยายามสถาปนาความโดดเดี่ยวของตนให้คนยอมรับ แต่เหตุใดความโดดเดี่ยวจึงไม่สามารถยอมรับในมุมเปิด
เพื่อสังคมจะได้มองเห็นปัญญา มีก็เพียงแต่ว่า...ข้าคือ...มือปราบ...ข้าคือผู้ต่อต้าน
ข้าคือผู้ขัดขวาง ข้าคือผู้ที่คุณควรยำเกรง ข้าคือผู้สื่อข่าว ข้าคือผู้มีพาวเวอร์
ฯลฯ...ใครมีลูกชายและรู้ว่าลูกมีพฤติกรรมแบบนี้คงจะหนักใจไม่น้อยเพราะกลัวลูกจะอายุสั้น
กลัวลูกจะอยู่ได้ไม่นาน ยิ่งการที่เห็นพฤติกรรมการต่อต้านให้ร้ายดูถูกดูแคลนการดำเนินกิจกรรมของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ซึ่งมิใช่เป็นต้นคิดของนายแสบสันต์ ดังนั้นแสบสันต์จึงไม่รู้ ไม่เข้าใจ
ไม่มีวิสัยทัศน์ มองไม่เห็นทิศทางของผู้สร้างและคณะผู้ร่วมสร้างมหาวิทยาลัยแห่งอุดมคติว่า...เขามีเป้าหมายและทิศทางอย่างไร...ด้วยความหยิ่งผยอง
ความมืดบอดแห่งปัญญาประกอบกับความมีลักษณะของซาตานได้ครอบงำอยู่ในจิตใจของแสบสันต์
จึงทำให้แสบสันต์มองไม่เห็นแสงสว่างที่จะส่องทางเดินให้ชีวิตแม้แต่น้อย
ความรู้สึกที่ถูกกดดัน...เพราะอยากเป็นคนสำคัญ
ความมีปมด้อยชนิดที่ต้องถือว่าสุดสุด...ที่ต้องการสร้างให้เป็นปมเด่น
ความรู้สึกโดดเดี่ยว...ที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ
ความชั่วที่สับสนอยู่ในสามัญสำนึก...ทำให้มองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
ความชั่วที่นายแสบสันต์
มองเป็นการสร้างสรรค์ปกป้องผลประโยชน์ของสังคม...แต่ยังคงปกปิดจริตที่แท้จริงไว้เพียงแค่
“ช้างตายทั้งตัว แล้วจะเอาใบบัวมาปิด” เท่านั้นเอง แสบสันต์สร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้าง...เจ้าของอาชีพสื่อที่เรียกว่าสื่ออาชีพเขารู้ว่า
แสบสันต์สร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้างบริวารของแสบสันต์เขารู้ มีบริวารของแสบสันต์จำนวนไม่น้อยเขาเข้ามาเพราะเขานิยมในเปลือกนอกเพียงผิวเผิน...เมื่อเขารู้เนื้อใน
(สันดาน) เขาจึงถอยห่างแล้วเขาเหล่านั้นก็เริ่มถอยห่าง
เขาเหล่านั้นยังคงมีความเฉลียวฉลาดกว่า สามารถมองเห็นกงจักรเป็นกงจักร มองเห็นดอกบัวเป็นดอกบัว
เขารู้สันดานเขาก็เลยถ่ายทอดสันดานที่เที่ยงแท้ของแสบสันต์ให้เห็นของจริงให้สังคมได้รู้บ้าง
แสบสันต์ชอบคุยโม้ว่า...ฝ่ายเรามีอยู่ทุกที่ !! ตอนนี้ไม่รู้ว่าฝ่ายเรา...ขายเราได้ทุกที 5555เช่นเดียวกัน
แสบสันต์มัวแต่หลงตัวลืมตน...จนลืมไปว่าฝ่ายที่ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเราของแสบสันต์นั้น
แท้จริงแล้วเขาเป็นฝ่ายไหน แสบสันต์ก็ไม่ทราบ !? 5555 ก็มันเป็นคนเหมือนกันแล้วใครจะแกล้งปัญญาอ่อนไม่รู้ ไม่กลัว ได้อย่างไร
ต่อให้ห่มผ้าขาวห้อยลูกประคำสวมแว่นตาดำ ทำพิธีให้สมุนสาบานตน
เพื่อขู่ให้เป็นบริวารนาน ๆ ตอนนี้วิชาเสื่อมเจอของดีที่เหนือกว่า....ยิ่งตอนนี้...แนวร่วมแสบสันต์
เริ่มรู้ว่าแสบสันต์โดนแน่... “และพวก” โดนไม่โดนเดี๋ยวรู้
ใครแน่จริงก็อยู่คู่แสบสันต์จนวันตาย
ให้มันหายโง่กันไปเลย...แต่ใครไหวตัวทันนับว่าฉลาดน่าชื่นชม ก็ลองพิจารณาดูซิว่า
พ่อแม่เราให้เกิดมาเป็นคนเราควรเลือกเป็นคนดี มิใช่ว่าเรามั่นใจว่าเราเป็นคนดี...แต่ลูกพี่แอบชั่ว...แล้วเราก็เป็นลิ่วล้อให้คนชั่วแต่เราซวย...ใครคิดเป็นก็มีโอกาสรอด...ใครคิดไม่เป็นก็ถือว่าเป็น
“คู่กรรม” ก็แล้วกัน (หรือจะเป็นลาโง่ให้เขาใช้งานก็ตามใจ)
นายแสบสันต์ ไม่มีความเข้าใจและมองไม่เห็นทิศทางของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกเลย
ทั้ง ๆ ที่เขาชอบคำว่าสันติภาพใน VDO ซึ่งอยู่ใน YouTube
มีหลักฐานอย่างชัดเจน และไม่ใช่ธุระอะไรที่นายแสบสันต์
จะเข้ามาเกี่ยวข้องตอนก้าวเข้ามา...มาด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม...คือการได้รับการเสริมคุณค่า...และมีความคิดก้าวหน้าจะได้เป็นถึงทั่น...
“อธิการ” แต่ฟ้าไม่เป็นใจให้” “โจร” ความเป็นโจรจึงแสดงตน...ขอ (ขู่) เอาเงินสด
500,000 บาท จากผู้อาวุโสของมหาวิทยาลัย...ก็ไม่สำเร็จ
แค่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา...โจรจึงโกรธแค้นแสดงสันดาน...ถล่มมหาวิทยาลัยทางอินเตอร์เน็ตในวันเดียวกัน
จากวันนั้น 23 กุมภาพันธ์ 2556 จนถึงวันนี้ไม่มีความปรารถนาดีใด ๆ จากแสบสันต์
ต่อมหาวิทยาลัยเลยและเรื่องที่โจมตีก็มักหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเงิน
มักจะนำเรื่องเงินที่ใครต่อใครต้องจ่ายเท่าใดมาจับเป็นประเด็น ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
“โหยหาแต่เงิน”...พาลลุกลามไปดูถูกดูแคลนผู้รับปริญญาพาลไปหา...หน่วยงานของรัฐเข้ามาเป็นเครื่องมือประกอบชั่ว...ชั่วจนจวนจะหมดแรงและความชั่วที่รุนแรง
จึงทำให้แสบสันต์ กลายเป็นจำเลยของสังคม เป็นจำเลยของมหาวิทยาลัย
เป็นจำเลยของผู้บริหารมหาวิทยาลัย เป็นจำเลยของผู้รับปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์
ที่ถูกแสบสันต์ดูหมิ่นเหยียดหยามด้วยการโฆษณา (หมิ่นประมาททั่วประเทศ)
ช่วงเวลาที่ผ่านมาพิสูจน์ให้สังคมเห็นอย่างชัดเจนว่า...ความพยายามทำลายมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
โดยแสบสันต์และพวก นั้นมิใช่เป็นอุดมการณ์ที่แท้จริง แต่เป็นสันดานโจร และเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี
โจรที่มีจิตเป็นโจร...ในทางวิทยาศาสตร์ถ้าคลื่นพลังงานในตัวมนุษย์ผู้นั้นเป็นอย่างไร
มันก็จะแสดงออกมาให้เห็นที่ใบหน้าและท่าทาง...กรณีแสบสันต์ ประสาทเสื่อม คือโจรกรรโชกทรัพย์
100 เปอร์เซ็นต์ (ดูหน้าตาท่าทางและพฤติกรรม) ชัดเจนและชัดเจน
มีใครที่ไหนกันที่เขาต่อต้านและทำลายเกียรติภูมิของผู้อื่น ซึ่งเป็นสิทธิทางความเชื่อของแต่ละบุคคลที่เขาพึงพอใจ
เพราะผู้รับปริญญาส่วนใหญ่...คุณสมบัติและผลงานมีความชัดเจน...คุณภาพเกินพอ
ที่แสบสันต์ไม่สามารถเทียบได้แม้เศษเสี้ยว...
ความชั่วที่ฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกและสันดานโจรส่อออกมาเป็นอันธพาล...ยังไม่รู้เลยว่า
งานเพื่อสังคมนั้นมันยังมีอยู่มากมายในสังคมที่กำลังรอการแก้ไข
การคอรัปชั่นของข้าราชการ นักการเมือง การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์... ฯลฯ ปัญหาสังคมที่สุดสุดอีกมากมายเหลือเกินแต่กลับไม่เสือกที่จะต่อต้านดังนั้นทาสแท้ของโจรกรรโชกทรัพย์ที่ถูกออกแบบไว้
แต่กำเนิด...คือเป็นมาจากความโลภความริษยา ความบ้าคลั่งที่ขาดจริยธรรม แสบสันต์
ประสาทเสื่อม เป็นผู้ที่เข้ากับคำนิยามของคำว่าโจร ที่มีการกล่าวไว้ในคัมภีร์ศาสนาโดยมิได้มีข้อผิดเพี้ยน...
ในทางพุทธ
คือ มาร
ในทางคริสต์ คือ ซาตาน
ในทางอิสลาม
คือ ไซตอน
คุณลักษณะของ
มาร , ซาตาน . ไซตอน
คือนิสัยชอบโกหกและหลอกลวง
มาเพื่อฆ่าและทำลายคอยจ้องเวลาเผลอ...ถ้าไม่เชื่อไปเปิดตำราทุกศาสนาได้เลย...แสบสันต์
ประสาทเสื่อม ตัวจริงไม่มีผิดเพี้ยน...ครานี้ใครจะปราบมารใครจะขับไล่ซาตาน
หรือใครจะจับโจร...เร็ว ๆ นี้...สิทธิเสรีภาพของคนดี...จะมีกฎหมายอย่างพอเพียงที่เป็นกลไก..ถลกหนังหัว...แสบสันต์
ตะวันดับได้อย่างแน่นอน Very Shure...Yes…Sir
-ฟ้าทะลายโจร-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น