จับเสกสรร ประเสริฐ ผอ.เบาะแส
ทุกประเด็นของความไม่ชอบมาพากลทุกความเคลื่อนไหวในสายตาของสื่ออาชีพและผู้เป็นสุจริตชน
จากความพยายามที่เราได้เห็นข่าวที่ดูแล้วทะแม่งๆ
และแปลกใจว่าเหตุใด หนังสื่อทั้งฉบับได้พยายามเขียนข่าวที่วกวน และลงข่าวเฉพาะมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกอย่างเดียว
แถมด้วยการโปรโมทตัว ผ.อ. ซะเต็มๆ
ซึ่งโดยปกติของหนังสือพิมพ์โดยทั่วไปเขาจะเขียนข่าวหรือนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เป็นการดูถูก
“ภูมิปัญญา” ของผู้อ่านเมื่อเราสำรวจหนังสือทั้งฉบับและตรวจสอบย้อนหลังของหนังสือหลายฉบับก็ไม่มีเนื้อหาสาระมากมาย
แต่ยังคงเป็นเรื่องการอวดอ้างผลงานเดิมๆ
ซึ่งดูแล้วผลงานจริงกับเท็จปนกันแทบจะแยกแยะไม่ออกว่า อะไรจริงอะไรเท็จ
แต่เราก็สรุปความน่าจะเป็นได้ว่า “หนังสือเบาะแส” ต้องเป็นหนังสือเฉพาะกิจอย่างแน่นอนเลย
เพราะเราพบว่าหนังสือสองฉบับมีการจงใจปรับปรุงหน้าปกเล็กน้อย
และเพิ่มชื่อนายทหารนายตำรวจเข้ามาเป็นองค์ประกอบเพื่อเป็นเกราะให้แข็งแกร่งเพิ่มเติม
เราก็จะทำจดหมายถามท่านเหล่านั้นเป็นหนังสือเพื่อขอคำยืนยันอย่างเป็นทางการว่า
ท่านเหล่านั้นกล้ายืนยันหรือไม่ในพฤติกรรมของการใช้สื่อ เพื่อเรื่องเฉพาะกิจและสื่อไปในทางไม่สุจริต
ที่เกี่ยวกับการหักหลังล้างแค้นกันในเรื่องของผลประโยชน์ ซึ่งฝ่ายที่เสียประโยชน์และอ้างเป็นสื่ออย่างไม่ลดราวาศอก
เราเป็นอาชีพสื่อเราพิจารณาดูแล้ว หนังสือเบาะแสเป็นหนังสือเฉพาะกิจจริงๆ และตัว
นายเสกสรร ประเสริฐ ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของ”เบาะแส” เราก็ได้ทำการตรวจสอบเพื่อให้สังคมหายสงสัยว่าเขาเป็นใครกันแน่
จึงได้ข้อสรุปง่ายๆเป็นเบื้องต้นว่า เป็นคนสนใจความยุติธรรม อุดมการณ์เพ้อฝันดี
มีจินตนาการที่สับสนกับตัวเอง อยากเป็นคนมีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดเหมือนคนมีสี
แต่เมื่อวิถีชีวิตและคุณสมบัติไม่เอื้อ ความรู้ความสามารถไม่ถึง
จึงดิ้นรนหาทางสร้างแบรนด์ให้คนเข้าใจว่าเป็นสื่อ ประกอบกับความต้องการลบปมด้อยแห่งความอยากมีอำนาจแบบคนมีสี
จึงใช้วิธีแบบเด็กเข้าหาผู้ใหญ่ พอรู้จักใครที่มีพาวเวอร์หน่อย
ก็ถือวิสาสะเอ่ยขอเชิญเป็นที่ปรึกษาแล้วก็รีบนำชื่อท่านเหล่านั้นมาใช้เป็นองค์ประกอบตามความคิดที่ตนจะกระทำ
ที่เห็นได้ชัดเจนคือความพยายามรีบสร้างความชอบธรรม
และพยายามหาคำกล่าวให้ร้ายโดยสรุปเอาเองต่อมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ตามอารมณ์และความรู้สึกของผู้ที่มีปมแค้นเรื่องส่วนตัวอยู่ภายในต่อ
นาย สวัสดิ์ บันเทิงสุข ผู้เป็นอธิการบดี ผู้ก่อตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายหลัก
ซึ่งเมื่อดูแล้วค่อนข้างจะแปลก เพราะว่าถ้าเราวิเคราะห์การกระทำดังกล่าว
และการนำภาพของบุคคลต่างๆมาลง และเขียนข้อความพาดหัวจูงใจให้คนคล้อยตาม
ในเชิงสรุปข้อกล่าวหาเอาเอง การกระทำดังกล่าวจึง
ไม่น่าจะเกิดจากจรรยาบรรณของความเป็นสื่อโดยแท้ และแม้กระทั่งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ที่นายเสกสรร ประเสริฐ พยายามนำมาเชื่อมโยงถึง เมื่อตรวจสอบประวัติบุคคลเหล่านั้น
ปรากฏว่ามีความชัดเจนว่าคนที่ถูกกล่าวถึงมีประวัติที่ประจักต่อสังคมอย่างไร
อาจจะเทียบไม่ได้เลยกับประวัติและพฤติกรรมของนายเสกสรร ประเสริฐ
ครั้นเราไปตรวจสอบบทความต่างๆที่อยู่ใน
Facebook
ของทางมหาวิทยาลัยก็มีบทความมากมายที่เมื่อพิเคราะห์ดูแล้ว
ก็ยิ่งทำให้เรามีความชัดเจนมาอีกว่า
......อ๋อ....เหตุการณ์ทั้งหมดที่หนังสือเบาะแสพยายามตีแผ่
ด้วยอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวของ นายเสกสรร ประเสริฐ นั้นเป็นสิ่งที่มีมูลเหตุมาจาก “ความไม่สุจริตของนายเสกสรรเอง”
ถึงแม้ว่านายเสกสรร ประเสริฐ จะใช้ความพยายามนำความเป็นสื่อ
(ที่ไม่ค่อยจะเต็มปากเต็มคำ) มานำเสนอต่อสังคม ก็ตามแต่กลับกลายเป็นเรื่องของพฤติกรรมที่ไม่สมควรของ
นายเสกสรร ประเสริฐ เสียมากกว่า
จึงสรุปได้ว่า นายเสกสรร ประเสริฐ
และหนังสือพิมพ์เบาะแส ทำหน้าที่โดย “ไม่สุจริต” ในการนำเสนอข่าวต่างๆ ต่อประชาชนจริงๆ
เพราะเป็นการกระทำโดยเจตนาต้องการทำลายด้วยความโกรธและต้องการจะล้มมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกให้ได้
เราจึงตรวจสอบต่อไปในเชิงลึก
เกี่ยวกับนายเสกสรร ประเสริฐ ปรากฏว่าเราต้องตกตะลึง แต่เราก็ไม่แปลกใจอะไร
โดยเฉพาะในแวดวงสื่อมวลชน ไล่กันไปจนถึงระดับครูอาจารย์ ผู้บริหารรุ่นใหญ่แห่งวงการและองค์กรสื่อ
พูดไปในโน๊ตเดียวกันโดยพอสรุปได้ว่าเป็น “เหลือบ” “แห่งวิชาชีพของเรา” เป็นอันว่าจบข้อสงสัย
และเราจึงรู้ว่าเหตุใดจึงไม่มีสื่อใดเล่นด้วย
เพราะจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแห่งความเป็นสื่อมืออาชีพนั่นอง
เราได้รับทราบข้อมูลว่ากลุ่มก๊วนของสื่อไม่สุจริต
โดยการวางแผนของหัวโจกสื่อมิจฉาชีพ พยายามโทรศัพท์ไปสุ่มหาคนที่รับปริญญากับทางมหาลัยสันติภาพโลก
เพื่อมาเป็นพวก เพื่อจะทำลายและล้มมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกให้ได้ แต่ก็ไม่เป็นผล
และเราได้รับการยืนยันจากบุคคลเหล่านั้นแล้วว่า
ยินดีเป็นพยานให้แก่ทางมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก เอานั่นก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง…
ตอนนี้เราก็มาถึงบางอ้อแล้วว่า
เหตุใดนายเสกสรร ประเสริฐ และคณะเบาะแสจึงถูกดำเนินคดีหลายคดีอยู่ในขณะนี้
และเราก็ทราบอีกว่า เมื่อบ้านเมืองปกครองโดยใช้กฎหมาย
ดังนั้นผู้ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ โดยนายเสกสรร ประเสริฐ
และคณะเบาะแสที่ได้ลงข่าวให้ร้ายมหาวิทยาลัยฯ และใส่ความต่อบุคคลต่างๆ
ซึ่งลักษณะการนำเสนอนั้นเรารู้ได้เลยว่า นายเสกสรร ประเสริฐ ไม่รู้กฎหมาย
และหรือกุนซือทางกฎหมายของนายเสกสรร ประเสริฐ อาจจะประมาทหรือละเลยดังนั้นดูท่าว่าคงต้องอับอาย
ในฐานะที่เป็นผู้รู้กฎหมาย!!! แต่ทำไมปล่อยให้มีการออกข่าว
ที่เป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และด้วยเจตนาอย่างชัดแจ้ง ซึ่งแม้นว่าจะเก่งกฎหมายอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุดแน่
การเตรียมการฟ้องคดีต่อ นายเสกสรร ประเสริฐ และคณะเบาะแส ล๊อตที่สองจะเร็ว
และแรงและกว้างขวางทั่วทุกภูมิภาค แต่นายเสกสรร ประเสริฐ และคณะเบาะแส คงจะไม่ลำบากในการขึ้นโรงพัก
ขึ้นศาล ที่ไหนไปไม่ทันก็เจอแค่หมายจับ คิดว่า
“พญาจิ้งจอก”คงจะไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ว่าแต่ว่าที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ
บรรดาผู้สื่อข่าว
ส่วนภูมิภาคผู้อยากเป็นนักข่าวภายใต้ “เกราะ”เบาะแส ที่อยากเบ่ง อยากมีพาวเวอร์
คงต้องคิดให้หนักว่ามันคุ้มกันหรือไม่ กับความอยากเป็นสื่อโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ
“กฎหมายไทย”
ที่ใช้สำหรับป้องกันสิทธิบุคคล มีความศักดิ์สิทธิ์พอ ที่จะทำให้
นักข่าวติดคุกมาแล้วนักต่อนัก
แล้วใครจะดูแลครอบครัวของท่าน
ใครจะรับผิดชอบ ถ้าท่านอยากทำงานเพื่อสังคมจริงๆ
เดี๋ยวนี้มีองค์กรอิสระมากมายที่จะได้ตอบสนองต่อความอยากของท่าน
วันนี้นายเสกสรร ประเสริฐ และคณะเบาะแสบางคนกำลังเข้าสู่วาระ
ของการพิสูจน์ตนเองต่อสาธารณะ และต่อศาล และแน่นอนว่า คนนับร้อย
ระดับผู้มีปัญญาคงไม่มีใครยอมให้นายเสกสรร ดูถูกดูแคลนเขาเป็นแน่
ถ้าท่านผู้อ่านเป็นหนึ่งในคณะเบาะแส ถ้าท่านคิดว่ามันคุ้มค่ากับอุดมการณ์ที่ท่านเอง
และหัวหน้าคณะไม่รู้ผิดรู้ชอบว่ามันคืออะไร แล้วละก็
ท่านก็จะกลายเป็นอีกหนึ่ง “เหยื่อ”ที่เป็น”ลาโง่”ให้เขาใช้งาน
“เป็นสะพาน”ให้เข้าข้ามไป แล้วใครจะดูแลคุณและครอบครัว เรื่องนี้ขึ้นโรงขึ้นศาลกันโดยไม่เป็นอันทำมาหากินกันแน่ๆ...ถ้าไม่เชื่อก็โปรดติดตาม...
“ป้ายผู้สื่อข่าว” ที่ไม่สง่างาม
มันไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือมีพาวเวอร์อะไรมากไปกว่า
ความเป็นคนดีผู้มีจิตบริสุทธิ์ดอกนะจะบอกให้แล้วหนังสือก็โนเนม
ผ.อ.ก็โนเนมแล้วจะใหญ่อะไรกันนักกันหนา
“คนมีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์ มีความรู้
มีเครดิตทางสังคม นับร้อยชีวิตที่เป็นบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของทางมหาวิทยาลัย
มีนักกฎหมายอยู่จำนวนมาก เช่นเดียวกัน แล้วนายเสกสรร ประเสริฐ จะฉลาดอยู่คนเดียวได้อย่างไร!?”
แล้วคนอื่นเขากลายเป็นคนโง่ทั้งหมดหรือจะถูกหลอกทั้งหมดได้อย่างไร !?
สรุป นายเสกสรร ประเสริฐ “โง่เอง....รึปล่าว....แล้วอวดฉลาด”จึงขอรวบรวมข้อเสนอที่บรรดาสื่ออาชีพเขาให้
โดยที่นายเสกสรร ประเสริฐ สามารถเลือกใช้ได้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์
1.
โก๋ โนเนม
2.
แส่ อินโนเซ้นท์
3.
เสือกสันต์ บรรลัยเลย
“
พิราบขาว ”
จับเสกสรร ประเสริฐ ทุกประเด็น
ทุกความเคลื่อนไหว และทุกช่องทางทำมาหาเลี้ยงชีพ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ลบโปรดติดต่อ ศรีไพร ประสาทสงค์ โทรศัพท์ 089-090-0376
เวปไซต์ ผู้โพสต์ชื่อ ธัชพงศ์ ฯ เป็นเวปไซต์ ปลอม
ตอบลบhttp://sekson-borsae.blogspot.com/2013/02/blog-post_26.html
ตอบลบข้อมูลสำหรับผู้มีวิจารณญาณ คดีพิเศษ 145/2556 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ผอ.เบาะแส เสกสรร ประเสริฐ คือ ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ
ท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ลบโปรดติดต่อ ศรีไพร ประสาทสงค์ โทรศัพท์ 089-090-0376
และดำเนินคดี หมิ่นประมาท ที่ สภ.ธัญบุรี
ตอบลบท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ลบโปรดติดต่อ ศรีไพร ประสาทสงค์ โทรศัพท์ 089-090-0376
http://borsae.org/?p=556
ตอบลบติดตาม.....รายละเอียด เพิ่มเติม.......
ท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ลบโปรดติดต่อ ศรีไพร ประสาทสงค์ โทรศัพท์ 089-090-0376
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ลบโปรดติดต่อ ศรีไพร ประสาทสงค์ โทรศัพท์ 089-090-0376
ท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ลบโปรดติดต่อ ศรีไพร ประสาทสงค์ โทรศัพท์ 089-090-0376