เรื่องน่าคิดสำหรับวิธีคิดด้านการศึกษาและกรณีของการสร้างข่าวทำลาย
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
หลายคนคงไม่เคยเฉลียวใจเลยว่า
ก่อนการเกิดสถาบันการศึกษาใด ๆ ขึ้นมาในโลกนี้
ย่อมต้องมีผู้ริเริ่มในการเป็นครูคนแรกและครูคนแรกได้เรียนรู้จากใคร ก็คือเรียนศึกษาด้วยตนเองเป็นประสบการณ์ที่ศึกษาจากภายในที่ถือว่าเป็นสติปัญญาขนานแท้และดั้งเดิมของมนุษย์
และผู้ที่มีสติปัญญาขนานแท้จากภายในจึงได้ถ่ายทอดความรู้สู่คนแต่ละรุ่น แต่ละยุค
การศึกษาการให้ความรู้เรื่องราวที่มาจากสติปัญญาขนานแท้จึงทำให้ผู้เรียนมีความสุข
และนำสิ่งที่ได้เรียนไปปฏิบัติจึงสามารถสร้างความก้าวหน้าให้กับชีวิตได้
ผู้ที่ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ถือว่าเป็นผู้ที่ได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตด้วยการใช้สติปัญญาขนานแท้
จึงสามารถนำพาชีวิตให้ประสบความสำเร็จสามารถให้ผู้อื่นได้พึ่งพาอาศัยจากสิ่งที่ตนเป็นผู้ริเริ่มกระทำได้
ปริญญากิตติมศักดิ์
ของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก จึงเป็นปริญญาชีวิตขนานแท้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นผู้ที่ได้รับจึงเป็นผู้ที่มีความสุขจากสิ่งที่ตนเองได้รับยกย่องเชิดชูและประกาศเกียรติคุณ
ความสมดุลย์แห่งชีวิตของมนุษย์อีกด้านหนึ่งจึงน่าจะนำเรื่องของการศึกษาด้วยสติปัญญาขนานแท้มาใช้เป็นองค์ประกอบและควรจะดำเนินการขยายความคิดด้านการศึกษาจากภายในให้กว้างขึ้น
สำหรับในปัจจุบันการศึกษาโดยทั่วไปเป็นการศึกษาจากภายนอก
คือการศึกษาให้มีปริญญา และใบปริญญาจะมีคุณค่ามากยิ่งขึ้นถ้าหากผู้ใช้นำไปใช้ควบคู่กับปริญญาขนานแท้
แต่ในสังคมปัจจุบันมักจะหาได้น้อยนักที่มีใบปริญญาและสติปัญญาขนานแท้ควบคู่กันไปด้วย
ในอดีตที่ผ่านมาสติปัญญาขนานแท้จากภายในของผู้ประสบความสำเร็จมักจะไม่ค่อยจะได้รับการยอมรับจากผู้นิยมปริญญาจากภายนอก
จึงไม่มีผู้นิยมปริญญาจากภายนอก มอบปริญญาให้แก่ผู้ที่มีสติปัญญาขนานแท้จากภายใน
เมื่อ มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ได้กล้าริเริ่มที่จะดำเนินการมอบปริญญากิตติมศักดิ์ แก่ผู้ที่มีสติปัญญาจากภายใน
อันถือว่าเป็นปริญญาชีวิตผู้ที่ติดยึดอยู่กับปริญญาภายนอกย่อมจะมองไม่เห็นและมีปฏิกิริยาในทางต่อต้าน
จึงเกิดกระบวนการแสดงออกในท่าทีของการไม่ยอมรับ
และมีการดำเนินการเพื่อขัดขวางและทำลายในหลายรูปแบบ
แต่ก็มิได้มีผลต่อผู้ริเริ่มมุ่งหมายที่จะให้การศึกษาด้วยสติปัญญาขนานแท้ที่ได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นไปอย่างเป็นระบบ
เป็นระเบียบและมีคุณภาพ ความไม่เห็นด้วยแต่มีความคิดใหม่ที่ดี ๆ
มาช่วยเสริมสร้างน่าจะเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นเพื่อให้กระบวนการคิด
การปฏิบัติด้วยสติปัญญาขนานแท้จากภายในเติบโตควบคู่กันไปจึงเป็นสิ่งที่น่ายกย่องและเชิดชู
แต่ความไม่เห็นด้วยภายหลังจากการมีพฤติกรรมชั่ว
เพียงเพื่ออิงแอบหาผลประโยชน์หาชื่อเสียงที่มิได้มาจากสติปัญญาขนานแท้จากภายในแล้วมีการขัดขวางทำลายทุกรูปแบบ
ปรากฏการณ์เช่นนี้มักจะไม่ควรมีหรือไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนในสังคมไทยและสังคมโลก
ดังนั้นในกรณีที่ นายเสฃสัณฑ์ ปะเสิด
ผอ.เบาะทรุด ได้เป็นผู้ริเริ่มด้วยพฤติกรรมชั่วดังกล่าวโดยใช้สามัญสำนึก และอ้างกฎหมายตีความเองข้าง
ๆ คู ๆ ไม่ลึก
ไม่กว้างและไม่กระจ่างจึงไม่สามารถขยายความคิดชั่วให้เกิดการยอมรับโดยกระบวนการทางกฎหมายได้
เพราะการกระทำนั้น นายเสฃสัณฑ์ ปะเสิด
ผอ.เบาะทรุด มีการกล่าวและกระทำต่อผู้ที่มีสติปัญญาทั้งจากภายในและภายนอก
และเป็นผู้ที่มีคุณวุฒิอยู่แล้วทางสังคม
ไม่มีผู้ใดที่เป็นผู้ที่โง่เขลาหรือด้อยปัญญาที่จะไม่สามารถแยกแยะอะไรด้วยตนเองได้
กิจกรรมของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
จึงดำเนินการไปได้ และสามารถขยายได้อย่างรวดเร็ว
แต่การนำเอกสารทางราชการหรือสิ่งดี ๆ
ที่ผู้อื่นกระทำด้วยพื้นฐานแห่งสามัญสำนึกที่ดีที่ถูกต้องไปใช้ในทางที่เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเอง
เพื่อเป็นเอกสารประกอบในการสนับสนุนพฤติกรรมชั่วของตัวเอง
จึงไม่สำเร็จถึงแม้ดูเหมือนจะสะใจหรือสมใจ แต่ความชั่วดังกล่าวจะไม่ประสบผล
คนที่อ่านและพิจารณาภาษาอักษรหรือภาพต่าง ๆ ที่นายเสฃสัณฑ์ ปะเสิด ผอ.เบาะทรุด พยายามนำไปบิดเบือนเจตนารมณ์ที่ถูกต้อง
รวมทั้งบทสนทนาในกลุ่มก๊วนของคณะมิจฉาชีพ “เบาะเสื่อม” จึงรู้ได้เองว่า...พื้นฐานความคิดพื้นฐานสติปัญญาจากภายใน
ยังอยู่ห่างไกลความเจริญอีกมากมาย
สังคมจึงมีคำถามว่า “นายเสฃสัณฑ์ ปะเสิด ผอ.เบาะทรุด” เป็นใครที่พยายามปล่อยข่าว
คำตอบคือ
มิจฉาชีพแขนงหนึ่งซึ่งมีความชำนาญด้านการนำวัตถุดิบที่มีอยู่มาประยุกต์
และปรับสภาพให้เป็นไปในแนวทางของมิจฉาชีพที่สามารถนำไปอำผู้ที่ขาดพื้นฐานแห่งความเข้าใจ
ขาดข้อมูลดั้งเดิมที่จะนำมาประกอบพิจารณาหาความจริง การนำหน่วยงานราชการและเอกสารที่มิใช่วัตถุประสงค์ของผู้ออกเอกสารในการเผยแพร่ต่อสาธารณะ
จึงเป็นวิธีการของมิจฉาชีพแห่งยุคปัจจุบันอีกแขนงหนึ่ง
ดังนั้นผู้ที่รักความก้าวหน้าของสังคมผู้ที่มองเห็นหนทางแห่งการให้ปัญญาแก่สังคมผู้ที่มองเห็นหนทางแห่งการให้ปัญญาแก่สังคมผู้ที่มองเห็นหนทางแห่งการส่งเสริมและสร้างสันติภาพจึงมีความชัดเจนและมีความเห็นพ้องกันโดยสรุปว่า
นายเสฃสัณฑ์ ปะเสิด ผอ.เบาะทรุด
เป็นมิจฉาชีพแต่สร้างภาพแห่งการเรียกร้องความถูกต้องต่อสังคม
มากลบเกลื่อนอาชีพที่ตนเองแอบแผงหากินอย่างไม่สุจริตมาเป็นเวลายาวนาน “นายเสฃสัณฑ์ ปะเสิด ผอ.เบาะทรุด” จะกลายเป็นตำนานของมิจฉาชีพเชิงสร้างสรรค์ไปในแนวทางแห่งความชั่ว...ของสังคมไทยในไม่ช้านี้
และขอเป็นกำลังใจให้คนดีอย่าท้อแท้เพราะมี สัจธรรมคือ
“ความดีย่อมชนะความชั่วเสมอไป”
ดุษฎีสีขาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น