วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แสบสันต์ ปัญญาเสื่อม....... โดนแล้ววันนี้


แสบสันต์ ปัญญาเสื่อม....... โดนแล้ววันนี้

เสือกสันต์ ปัญญาทราม กับความเป็นภัยสังคมในร่มเงาที่อิงแอบอ้างตนเป็นคนข่าวแบบลับลับล่อๆ ในนามผอ.เบาะซึมจากอาการแห่งความคลุ้มคลั่ง เพราะความชั่วไม่สำเร็จ หากินตามแบบมิจฉาชีพกรรโชกทรัพย์ผู้บริหารต่อมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกไม่สำเร็จ จึงเสียฟอร์ม อับอายเพื่อนเพราะความเสื่อมจากการสะสมความชั่วโดยการกรรโชคทรัพย์ทั้งพระ และแม่ชีถือว่าเป็นบาปอย่างมหันต์ ชีวิตทุกวันนี้จึงต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ แทนที่จะรู้สึกสำนึกแห่งความชั่ว แต่กลับฮึกเหิม คลุ้มคลั่ง กระด้าง ย่ามใจ  และไม่สำนึกผิด ชีวิตและอาชีพไม่มีเรื่องราวอะไรที่ให้สังคมได้เชื่อถือและยอมรับได้ คำก็จับ สองคำก็ลงพื้นที่ตรวจสอบ สามคำก็กันไว้เป็นพยาน มันเป็นพฤติกรรมเกี่ยวกับความคิดของคนเป็นโรคจิตประสาทขั้นรุนแรง พยายามส่งเอกสารที่ทางราชการตอบคำถามตามเอกสารปกติ แต่พยายามหาแนวร่วมด้วยการส่งเอกสารของทางราชการ  ไปยังหนังสือพิมพ์ต่างๆ เพื่อทำรายมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกส่งไปทั่ว ยิ่งส่งยิ่งประจานตัวเองว่า เข้าขั้นบ้าคลั่ง

            ดุจโจรดิ้นทุรนทุรายคล้ายคนจะจบชีวิต อาชีพสื่อมวลชนนั้นเขาใช้สติปัญญาบวกสามัญสำนึกที่สูงส่ง และใช้ความรู้ด้านอาชีพจริงๆ

            เสือกสันต์ ปัญญาทราม หารู้ไม่ว่ามารยาทสังคมเป็นอย่างไร วงการสื่อเขาให้ราคาเพียงแค่ว่า “เสียงเห่าของสุนัขหน้าโรงพิมพ์” ช่างมีความน่าสนใจกว่าการรับฟังเสียงทางโทรศัพท์ของ เสือกสันต์ ปัญญาทราม  วันนี้ในเขตพื้นที่ธนบุรีถูกร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว (ของจริง) และจะมีในวันต่อๆไป ภัยสังคมยี่ห้อ แสบสันต์ ปัญญาเสื่อม หรือเสือกสันต์ ปัญญาทราม ถือว่าเป็นเชื้อโรคร้ายของสังคม เป็นความอับจนทางความคิด ที่ชีวิตไม่มีทางออกเพราะประวัติไม่ดี อาชีพหลักไม่มี มีแต่ความพยายามใส่ความให้ร้ายผู้คน เพื่อสร้างประเด็นให้เกิดความสนใจ ให้ผู้เดือดร้อนขอเจรจา และถ้าอยากจบเรื่องก็ต้องจ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง

            นี่คือภัยร้ายที่ถือว่าเป็นภัยสังคมแบบใหม่ ในนาม  เสือกสันต์ ปัญญาทราม ผอ.ออ.เบาะเสื่อมนั่นเอง สังคมทราบแล้วอย่าลืมประวัติให้ลึกๆ และสังเกตพฤติกรรมทั่วไปก็ทำให้รู้แน่แก่ใจว่านี่คือ “โจร” ไร้สำนึกนั่นเอง  อีกไม่กี่วันก็เจอเอกสารแห่งความห่วงใย จาก...ตำรวจของจริงถูกต้องครับ.

            หมายเหตุ...บันทึกเตือนความจำ 3 ข้อ )

1.           บวชไม่สึกเพื่อทดแทนความชั่วที่เคยกระทำต่อผู้อื่น
2.           ออกมาขอโทษต่อผู้อื่นที่ตนทำละเมิดกล่าวหาและให้ร้าย ก่อนที่ศาลจะเป็นผู้ชี้ว่า   
            เป็นเช่นไร
3.           ตัดสินใจ ฆ่าตัวตาย

ด้วยความปรารถนาดีจาก
                                                                                                      เคียว คมกระบี่

หมายเหตุ ถ้าคิดดีแล้วจะเลือกข้อ 3 ก็ตามใจ

                                                                       



วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ความแตกต่างระหว่าง “ผู้เสียหาย” กับ “ผู้เสือก” กรณีศึกษาจากพฤติกรรมของ “แสบสันต์ ประสาทเสื่อม”


ความแตกต่างระหว่าง “ผู้เสียหาย” กับ “ผู้เสือก” กรณีศึกษาจากพฤติกรรมของ
“แสบสันต์ ประสาทเสื่อม”

            ถึงเวลาที่นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม ต้องนั่งลงนึกและตรึกตรอง ถึงพฤติกรรมชั่วที่ยังหลงอยู่ในวังวนของคนหลอกลวงควรจะเลิกตั้งแก๊ง “แกล้งรักประชาชน”ด้วยกลลวงเพื่อกรรโชกทรัพย์ เผลอปั๊บตบทรัพย์ก็มี เหตุใด “แสบสันต์” จึงไม่ค่อยสมหวังจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในเรื่องการไปแจ้งความต่างๆ...เพราะแสบสันต์มิใช่เป็นผู้เสียหาย “แต่เป็นเพียงผู้เสือก” ดังนั้นเมื่อไปดำเนินคดีในฐานะ “ผู้เสือก” จึงไม่มีข้อกฎหมายให้ “ผู้เสือก” นำมากล่าวอ้างได้ เพราะต้องเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงเท่านั้น ดังนั้นนายแสบสันต์ในฐานะ “ผู้เสือก” จึงควรจะเลิกเสือกได้แล้วเพราะเสียเวลา... มีข่าวรายงานว่ากำลังจะเป็นบ้าเพราะไป”เสือก” ที่ไหนเจ้าหน้าที่ก็ไม่ค่อยเอาด้วย ไปกองปราบ ไป DSI ไป สภ.อ. ไปป่าช้า 55555 เวลาไปเสือกให้ได้ผล ต้องบอกเจ้าหน้าที่ด้วยว่าการมาของผมในครั้งนี้ ผมพูดความจริงไม่หมดนะครับ เพราะอาชีพผมกรรโชกทรัพย์เป็นอาจิณ ผมมา ”เสือก”ในครั้งนี้เพราะผมผิดหวังจากการที่ผมอยากได้ทรัพย์ของเขาเป็นเงินสด ผมอยากได้ตำแหน่งทั่นอธิการ ผมอยากได้มหาวิทยาลัยมาเป็นของเล่นเท่ห์ๆ ควรจะบอกความจริงให้หมดรับรองว่าเจ้าหน้าที่จะให้ความร่วมมือแน่นอน อีกไม่กี่วันนี้ ถ้ามีการ “เสือก” เพิ่มเติมอีกอาจจะโดนรวบทันที เพราะหมายเรียกกำลังออกหลายท้องที่ และกำลังกลายเป็นหมายจับ...ต้องเตรียม...ทนาย...เตรียมการประกันตัว

            ในคดีอาญาผู้ที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษผู้อื่นต้องเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงเท่านั้น ส่วน “ผู้เสือก” ไม่มีสิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษ ยกเว้น “ผู้เสือก” จะโดนประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจ

            ดังนั้นโดยสรุป ในความพยายามทั้งหมดของ “แสบสันต์ ประสาทเสื่อม” ผอ.ออ เบาะเน่า (ผอ.แปลว่าผู้กระทำการอันอุบาทว์) เป็นเพียง “ผู้เสือก” มิใช่ผู้เสียหาย จึงขอให้เลิกเสือกและเปลี่ยนบทบาทของแก๊งเบาะเน่า เป็นกลุ่มผู้ร้ายกลับใจพาคนไปทำบุญดีกว่า จะมีบุญเยอะกว่ากัน อย่างน้อยก็ต่ออายุให้ยืนไปอีกได้อีกสักระยะหนึ่ง

                                                                              ด้วยความปรารถนาดี

                                                                                    เคียว   คมกระบี่

แสบสันต์ ประสาทเสื่อมกับความมั่งคั่งด้วยคดีอาญา


แสบสันต์ ประสาทเสื่อมกับความมั่งคั่งด้วยคดีอาญา

            อยู่ดีไม่ว่าดี ครานี้ “แสบสันต์” ต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “โศกศัลย์” หาเรื่องชาวบ้าน หยอดนิด ตอดหน่อย แล้วปล่อยข่าวลวง แล้วโทรหาค่อย ๆ หว่านล้อมตะล่อมให้คนหลงเชื่อ อ้างเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ เพื่อหาช่องว่างประกอบเหตุในการนำพาไปกรรโชกทรัพย์หรือแอบตบทรัพย์ เพื่อเลี้ยงชีพและทำบุญให้แก๊งหน้ามืดตามัวถือว่าเป็นสันดานของอันธพาลสวมรอยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

            โศกศัลย์ตะวันดับพยายามไปแจ้งที่ DSI ให้ไปจับคนจัดงานมอบดุษฎีกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก วันก่อนก็ออกจดหมายถึง สกอ. แค่ถามว่ามีชื่อมหาวิทยาลัยนี้ใน สกอ.หรือไม่...โธ่ เขาก็บอกไว้ตั้งนานแล้วว่าไม่เกี่ยวกันแล้วดันไปถามแบบโง่ ๆ อีก พอเขาตอบมาก็ดันทุรังไปนำเอกสารของราชการใช้ในทางที่ผิด...รีบนำมาลงในอินเตอร์เน็ต แล้วแจ้งความกับกองปราบ...เจ้าหน้าที่ยังไม่ทันตั้งตัวเลย โศกศัลย์ก็รีบนำเอกสารการแจ้งความโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต เท่านั้นยังไม่พอส่งคนไปถ่ายภาพการมอบปริญญาในวันสถาปนามหาวิทยาลัยสันติภาพโลกของปากีสถานแล้วก็ส่งเอกสารของ สกอ.ไปอำเจ้าหน้าที่ของศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เข้าใจผิดและเจ้าหน้าที่ก็จะได้รับความเดือดร้อนตามมา เพราะดันไปยกเลิกการให้เช่าสถานที่อย่างกะทันหัน แล้วโศกศัลย์กับพวกก็รีบลงข่าวเยาะเย้ยโกหกสังคมว่าสามารถจับไม่ให้มีการจัดงานได้ แต่ไม่บอกว่างานจริง ๆ ยังคงจัดได้ที่โรงแรมมารวย...โดยตามกำหนดการที่ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ก็มีบุคคลสำคัญที่เป็นผู้ใหญ่ เป็นราชนิกุล มาเป็นประธานเปิดงานแต่โศกศัลย์สามารถป่วนเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ให้ยกเลิก แล้วต้องย้ายอย่างกะทันหันไปโรงแรมมารวยและโศกศัลย์พยายามป่วนทางโรงแรมอีกโดยการส่งเอกสารที่มิใช่เป็นวัตถุประสงค์ของทางราชการเลยส่งแฟกซ์ไปหลายครั้ง แต่โศกศัลย์ใช้ป่วนกับทางโรงแรมแต่ไม่สำเร็จ เมื่อไม่สำเร็จจึงส่งขี้ข้าปัญญาอ่อนไปแฝงตัวและถ่ายภาพผู้รับปริญญา แล้วรีบนำมาโพสต์ลงทาง Facebook แล้วเขียนข้อความประกอบภาพในทำนองที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ทั้ง ๆ ที่การจัดงานและภาพต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ดีและมีราชนิกุลที่เป็นผู้ใหญ่มากล่าวเปิดงานและเป็นประธานผู้ประสาทปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ แต่โศกศัลย์ตะวันดับ ก็พยายามบิดเบือนจนได้ ความพยายามและความเคลื่อนไหวในการทำลายมหาวิทยาลัยของ แสบสันต์ ประสาทเสื่อม หรือ โศกศัลย์ ตะวันดับ อยู่ในสายตาและรับทราบโดยผู้ใหญ่ของทางมหาวิทยาลัยและผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องโดยตลอด

            และแม้กระทั่งงานฉลองปริญญาและฉลองวันเกิดของ ท่านเจ้าอาวาสวัดตาก้อง ต.ดอนตูม จ.นครปฐม “โศกศัลย์” ก็ได้รับอนุเคราะห์ภาพในพิธีโดย...แนวร่วมผู้ไม่ซื่อสัตย์ต่อบิดามารดาและครูอาจารย์ได้ช่วยกรุณาส่งคนไปแอบถ่ายภาพแล้วส่งให้ “โศกศัลย์” เพื่อรีบลง Facebook แล้วโจมตี ซึ่งแนวร่วมผู้ไม่เคยซื่อสัตย์ต่อใคร...มีลักษณะล่ำใหญ่ หัวขนาดกลาง แต่สมองเล็กและความคิดเลือนลางปากเท่ารูเข็ม ดังนั้นทีมงานที่ช่วยเป็นแนวร่วมให้โศกศัลย์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นประเภทใช้อารมณ์และสายตามากกว่า...ใช้สมอง นั่นคือหนทางสู่ความมั่งคั่งไปด้วยคดีอาญา จึงเรียกว่า...แสบสันต์ ประสาทเสื่อมและพวก

            พฤติกรรมทั้งหมดของ แสบสันต์ ดังกล่าวมาคือที่มาของรางวัลที่ถูกจัดเตรียมให้แก่ แสบสันต์และพวกคือหมายเรียกของตำรวจ หมายจับของตำรวจ หมายศาล (ของใหม่) ส่วนเรื่องที่ยังอยู่ในกระบวนพิจารณาก็ยังมีอีกอื้อ...ชีวิตนี้จึงไม่มีทางเลือกอื่น ทำอาชีพอื่นก็ไม่ได้เพราะต่อไปนี้แต่ละวัน ขึ้นศาลในฐานะจำเลยในคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาพร้อมด้วยความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ภารกิจที่ยุ่งแบบนี้จึงหากินแบบปกติไม่ได้จึงต้องกรรโชกทรัพย์อย่างเดียว แต่ตอนนี้ทำดีเพื่ออำพรางความอุบาทว์ก็ไม่เกิดผล เพราะสังคมรู้ทันหมดแล้ว...งานนี้คงรู้ว่านรกบนดินเป็นอย่างไร ฝากแสบสันต์และสมุนปัญญานิ่มไปฟังเพลง “พิภพมัจจุราช เสียก่อน” ทุกวันนี้รู้ว่า...แสบสันต์ เครียด...แสบสันต์ลนลาน...แสบสันต์ อยากตาย ฯลฯ แสบสันต์โศกเศร้า...แสบสันต์กำลังหมดหนทาง โธ่...แสบสันต์ลูกพ่อไม่น่าเลย...


                                                                                                พ่อบุญธรรม

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แสบสันต์ ประสาทเสื่อม เครียด...ฉี่ราดกางเกง !


แสบสันต์ ประสาทเสื่อม เครียด...ฉี่ราดกางเกง !

            แสบสันต์ ประสาทเสื่อม ผู้เลื่อมใสความชั่วเป็นอาจิณทำมาหากินด้วยอาชีพ สื่อเถื่อน กรรโชกทรัพย์ ยามอับหนทางก็หน้ามืดตามัว ทำตัวเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางสื่อ แต่พอเจอสื่ออาชีพจริง ๆ “จ๋อย” ใช้กฎหมายได้ในระดับ...คนขี้เมาเดากฎหมายในวงไพ่ เวลาจะหากิน...แสบสันต์จะไม่อายนักกฎหมายอาชีพ อ้างมาตราต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนกิจการชั่วแบบส่งเดช...สื่ออาชีพ...เวลาเขาติชมโดยสุจริต...ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของพฤติกรรมของนักการเมืองเป็นการติชมโดยสุจริตในฐานะสื่อ...และสื่อเหล่านั้นก็มีความรู้ มีสำนึกดี เขาเขียนเฉพาะข้อความ...เขามิได้โง่เขลาเบาปัญญาขาดภูมิรู้ที่จะนำภาพกิจกรรมที่เป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลอื่นมาวิจารณ์

            ยิ่งโดยเฉพาะภาพของผู้รับปริญญา ของผู้หลักผู้ใหญ่ผู้มีชื่อเสียง...นำมาใช้เชิงล้อเลียนหรือวิจารณ์ไปในทำนองเหมือนราวกับว่า เขาเหล่านั้นโง่เขลา โดนหลอก คำก็มหาวิทยาลัยเถื่อนสองคำก็ปริญญาเถื่อน แล้วอ้างติชมโดยสุจริต...ที่จริงไม่ต้องอ้างมาตราหรือนำกฎหมายมาอ้างเลยจะดูดีกว่า...แต่พอนำมากล่าวอ้าง...แบบข้าง ๆ คู ๆ ก็รู้ได้ทันทีเลยว่า...ไอ้หมอนี่โง่แล้วอวดฉลาด เอาไว้เร็ว ๆ นี้ เวลาเป็นจำเลยที่ศาล....ก็ต้องอ้างให้แม่นก็แล้วกัน

            ผู้รับปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ ที่เป็นนักกฎหมาย ทนายความ พนักงานสอบสวน ท่านผู้พิพากษา และนักวิชาการระดับด็อกเตอร์ เขาเหล่านั้นจะโง่กว่าแสบสันต์ ปัญญาเสื่อมได้อย่างไร.... อนิจจา...ผีหนวดแมว กำลังจะหมดหนทางหากิน ก็ต้องดิ้นพรวดพราด...งานนี้คงทุกข์หนักจนตาหลุดจากเบ้า ส่วนหนวดแมวคงจะร่วงกลายเป็น หนวดเต่า...ส่วนภาพถ่ายที่ไปแอบถ่ายแอ็คชั่นเวลาตำรวจเผลอแล้วเอามาอวดทาง Facebook พอคนดูเขาเริ่มรู้แล้วว่า...ไอ้โรคจิตประสาทเสื่อม คงจะจบม้วนโดยด่วนที่สุด เพราะข่าวแว่วมาว่า...ทนายมือฉมังเขาเขียนคำร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อส่งต่อ ๆ กันให้แนวร่วมพันธมิตรของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ดำเนินคดีในทุกพื้นที่ชนิด...ดิ้นไม่หลุด แค่หมายจับของตำรวจทั้ง สน.และสภอ. 50 ท้องที่ 555555 แสบสันต์ ปัญญาเสื่อมคงถึงจุดที่ต้องเครียดจนฉี่ราดครานี้แหละ....

คำแนะนำที่ดี

1.           บวชไม่สึกเพื่อทดแทนความชั่วที่เคยกระทำต่อผู้อื่น
2.           ออกมาขอโทษต่อผู้อื่นที่ตนทำละเมิดกล่าวหาและให้ร้าย ก่อนที่ศาลจะเป็นผู้ชี้ว่าเป็นเช่นไร
3.           ตัดสินใจ “ฆ่าตัวตาย”

ด้วยความปรารถนาดีจาก
                                                                                                เคียว คมกระบี่

หมายเหตุ ถ้าคิดดีแล้วจะเลือกข้อ 3 ก็ตามใจ


แสบสันต์ ประสาทเสื่อม ผ.อ.เบาะเน่า (เจ้าหนู หนวดแมว) “เจอของจริง”


แสบสันต์ ประสาทเสื่อม ผ.อ.เบาะเน่า (เจ้าหนู หนวดแมว) “เจอของจริง”

            ยิ่งวิเคราะห์พฤติกรรมของ แสบสันต์ ประสาทเสื่อม ในฐานะ ผอ.ออ. (แปลว่า ผู้กระทำการอันอุบาทว์) แห่งสำนักเบาะเน่า ก็ยิ่งเห็นถึงทาสแท้ของมิจฉาชีพจริง ๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไอ้หมอนี่ถึงอันธพาลแบบหน้าด้านหน้าทนจริง ๆ สิ่งของหรือสิทธิใด ๆ ที่เป็นของผู้อื่น อยากได้ของเขามาทำไมพอไม่ได้แล้วออกอาการ...ดุจผู้มีอิทธิพลปัญญาอ่อน...เขียนข้อความขู่ผู้อื่นแบบลอย ๆ ลงในหน้า Facebook แค่นี้ก็รู้แล้วว่า...รูปร่างหน้าตาและสันดานเป็นวิญญาณชั่วจริง ๆ ใครไม่เกี่ยวถอยไป...55555....นี่คืออาการคลุ้มคลั่งของโจรผิดหวัง

            ที่จริงอาชีพอันสุจริตยังมีอีกมากมายที่พอจะทำมาหาเลี้ยงชีพได้เช่น เป็นหัวหน้า รภป. แบบที่เคยเป็นแต่หากจะเป็นกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านก็อาจจะโดนนักเลงจ้าวถิ่นฆ่าตายก็ได้ อาชีพขับรถปิคอัพส่งของก็ยังโอเค อีกหน่อยไม่นานเกินไปอาชีพของมนุษย์สิ้นคิดดั่งที่ นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม กำลังทำอยู่ก็กำลังจะหมดไป นิสัย+สันดาน อันธพาลชั่วที่ชอบโทรไปชักชวนปลุกปั่นยั่วยุให้คนเขารำคาญ....มันเป็นสันดานของคนที่ขาดความคิดอย่างสร้างสรรค์จริง ๆ แม่ชี ภิกษุณี พระสงฆ์ คือกลุ่มคนดีที่ แสบสันต์ ประสาทเสื่อม มิได้แยกแยะว่าควรละเว้นประการใด หากินได้อย่างหน้าไม่อาย แม่ชี พระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติธรรม แสบสันต์ยังกล้าชั่วกระทำต่อท่านได้ แล้วยังมาตีหน้าซื่อ (บื้อ) บิดเบือนความจริงหลอกสังคมว่า...ต้องการปกป้องคนดี...พวกโจรเลว ๆ จะปกป้องคนดีได้อย่างไรนอกจากกระทำการอันเป็นความอัปปรีย์ในรูปแบบที่คิดว่าคนอื่นเขามองไม่ออกหรือตามไม่ทัน (วงการสื่อมวลชนอาชีพเขาถือว่าหมอนี่เป็นขยะแห่งอาชีพของเขา)

            วันนี้ได้ข่าวว่า กลุ่มพันธมิตรมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก เขาจะดำเนินคดีในหลายพื้นที่...ที่ แสบสันต์ ประสาทเสื่อม เหิมหนักดุจสุนัขสติแตกคือ การนำภาพบุคคลสำคัญชั้นสูงไปใช้ประกอบความชั่วหมายมุ่งจะทำลายชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย  แต่ไม่มีสามัญสำนึกว่าอะไรควรหรือไม่ควรเพียงแค่หวังทำลายมหาวิทยาลัยเพื่อเอาชนะ ถ้าประกอบหลักฐานได้สมบูรณ์แล้วและเห็นว่า แสบสันต์ ประสาทเสื่อม เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงด้วยแล้วละก้อ....หนังขาวดำเรื่อง...ไอ้หนู หนวดแมวคลุ้มคลั่งคงจะจบเรื่องก่อนกำหนดอย่างแน่นอน พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รัก คนดี ๆ ที่รักอดใจรอหน่อย...ความชั่วของแสบสันต์ ประสาทเสื่อม ในสภาพของ “ผีหิว” คงจะถูกสะกดวิญญาณง่ายกว่าในสมัย...ย่านาค...หลายเท่าเลยเชียว....

เคียว คมกระบี่

พันธมิตรมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ประกาศพิเศษ (ด่วน) ที่001/2556


พันธมิตรมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก

ประกาศพิเศษ (ด่วน)
                                ที่001/2556
                                วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2556

เรื่อง   การดำเนินคดี นายเสกสรร ประเสริฐ  และพวกในพื้นที่สน.และ สภ.อ.ทั่วประเทศ

นับแต่ที่มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก และพันธมิตรของมหาวิทยาลัยได้ดำเนินกิจกรรมในการมอบปริญญากิตติมศักดิ์ให้แก่บุคคลที่มีคุณค่าแก่สังคม  ตั้งแต่ระดับ ครอบครัวชุมชน อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

                ซึ่งเป็นกระบวนการในการสนับสนุนเป้าหมายของการสร้างสันติภาพโดยการดำเนินการประกาศเกียรติคุณและยกย่องบุคคลต่างๆ ดังกล่าวมา และกระบวนการดังกล่าวยังคงต้องพัฒนาขยายขอบเขตของการทำงานด้านสันติภาพไปสู่สังคมในระดับอาเซียน โดยการสนับสนุนกฎบัตรของอาเซียน และกฎบัตรขององค์การสหประชาชาติ ในการเสริมสร้างสันติภาพให้เข้มแข็ง

                จากการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวยังผลให้ นายเสกสรร ประเสริฐ ในนามผอ.เบาะแส ได้มีโอกาสมาเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยและมีพฤติกรรมที่มีความปรารถนาที่จะได้รับประโยชน์จากทางมหาวิทยาลัยเกินกว่าสถานะที่ควรจะเป็น ดังเช่นบุคคลอื่นๆทั่วไปเมื่อไม่สมหวัง จึงใช้ความเป็นสื่อ (ไม่แท้ ) กล่าวอ้างสิทธิต่างๆ เพื่อปกป้องบุคคลอื่นๆ และให้ร้ายผู้บริหารของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก และมหาวิทยาลัยที่เป็นพันธมิตร ประกอบกับการนำภาพของบุคคลต่างๆ ที่ได้รับปริญญาบัตร อันเป็นความสุขและเป็นเกียรติแห่งความภาคภูมิใจในฐานะผู้ได้รับปริญญา มากระทำละเมิดเพื่อให้สังคมเข้าใจไปในทางที่เสียหาย เสื่อมเสียคุณค่าและชื่อเสียง

                การกระทำในหลายประการของนายเสกสรร ประเสริฐ ผอ.เบาะแส เป็นการกระทำอย่างต่อเนื่อง และด้วยเจตนาร้าย และเป็นการกระทำโดยมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเป็นการกระทำที่คล้ายกับการเป็นมิจฉาชีพและมีเรื่องของความไม่สุจริตอยู่เบื้องหลัง เมื่อประมวลเหตุการณ์และการกระทำการต่างๆในหลายรูปแบบ รวมถึงการมีพฤติกรรมเป็นอันธพาล ข่มขู่ หรือกระทำด้วยวิธีการใดๆ เพื่อให้สังคมเข้าใจผิดต่อผู้ถูกกล่าวหา ทางผู้บริหารของมหาวิทยาลัย และพันธมิตรของมหาวิทยาลัย รวมถึงผู้รับปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยที่ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียงและคุณค่าแห่งปริญญาซึ่งเป็นรางวัลชีวิตของผู้ที่ได้รับ จึงได้มีความเห็นพ้องกันให้เริ่มดำเนินคดีต่อนายเสกสรร ประเสริฐ และพวก ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยขอให้ผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา เบื้องต้นจะดำเนินคดีโดยการร้องทุกข์กล่าวโทษนายเสกสรร ประเสริฐ ในทุกพื้นที่ที่สามารถได้รับเอกสารการกระทำผิดทางสื่อออนไลน์ดังกล่าว ณ สน. หรือ สภ.อ.ของทุกพื้นที่ที่ท่านสามารถรับเอกสารของการกระทำความผิดได้

                                                                                จึงประกาศให้ทราบและดำเนินการโดยพร้อมเพรียง
                                                                                                พันธมิตรมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก


วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ยิ่งนานวัน แสบสันต์ ประสาทเสื่อม ยิ่งเปิดเผย ธาตุแท้แห่งความเป็นโจรชั่วเชิงบูรณาการให้เห็นกันชัดเจนยิ่งขึ้น ผอ.ออ. (ผ.อ.แปลว่าผู้กระทำการอันอุบาทว์) แห่งสำนักข่าวเบาะเน่า


ยิ่งนานวัน แสบสันต์ ประสาทเสื่อม ผ.อ.(แปลว่าผู้กระทำการอันอุบาทว์) แห่งสำนักเบาะทรุด

ยิ่งลนลาน คลุ้มคลั่ง ไม่เป็นอันทำมาหากิน (นอนกลางวันชั่วกลางคืน) เพราะอาชีพของมิจฉาชีพอย่าง แสบสันต์ ประสาทเสื่อม กำลังเข้าตาจนครั้นจะไปปล้นเขากิน...ก็สู้โจรอาชีพเขาไม่ได้ ครั้นจะเป็นนักข่าว...นักข่าวอาชีพองค์กรทางด้านสื่ออาชีพเขาก็ไม่เอา แถมสื่ออาชีพเขาอธิบายคุณภาพของแก๊งกรรโชกทรัพย์  ตบทรัพย์ คณะเบาะทรุดภายใต้การนำของ แสบสันต์ ประสาทเสื่อม ได้อย่างเห็นภาพอย่างชัดเจน เมื่อไม่กี่วันมานี้ผู้ใหญ่ที่เขาทราบเรื่องของ แสบสันต์ ประสาทเสื่อม เกี่ยวกับพฤติกรรมที่พยายามทำลายภาพมหาวิทยาลัย กล่าวหาสารพัด...เช่น เถื่อน ฉ้อโกง ต้มตุ๋น...ทำทุกวิถีทางยื่นหนังสือต่อหน่วยงานราชการ เมื่อได้หนังสือตอบตามคำถามของ นายแสบสันต์ แต่นายแสบสันต์ก็นำหนังสือนั้นไปใช้ในทางที่ผิดทำให้หน่วยงานราชการอาจจะเกิดความเสียหาย และอาจจะเข้าข่ายถูกดำเนินคดี ทั้งเอกสารที่ไปแจ้งความกับตำรวจกองปราบด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อฟังระดับบิ๊ก ๆ  แห่งวงการหนังสือพิมพ์ เขาได้อธิบายเกี่ยวกับพฤติกรรมการทำมาหากินของ นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม แล้วฟังดู...มันช่างเป็นคนไร้ค่า...ที่นำเอาคำว่า สื่อวิชาชีพของเขาไปหากินจริง ๆ เขาบอกว่าไอ้นี่มันเต็ม ๆ เลยครับ...เรื่องของแม่ชีมันก็ไปกลั่นแกล้งเขา...มันเรียกเงินแม่ชี 15 ล้าน แต่มันได้แค่ 5 ล้าน มันชอบเข้าไปแทรกในช่องว่างของสังคม...แล้วมันก็เข้าไปแหย่...แล้วมันก็หาทางให้เขาเจรจา...คนไหนยอมมันก็รับทรัพย์ไป 5 หมื่นก็มี 8 หมื่นก็มี หลักแสนก็เอา

            เขาบอกว่าก็ดูพวกมันซิ มันทำอะไรกิน หนังสือของมัน ถ้ามันกรรโชกทรัพย์ใครไม่ได้ มันก็ไม่ได้พิมพ์พอมันมีเงินบ้าง พอได้พิมพ์หนังสือมันก็เอาหนังสือไปเป็นตัวประกอบขู่การกรรโชกทรัพย์คน ว่ามันจะแฉบ้าง มันจะสารพัดแล้วแต่วิชามารของมัน ทำไมผู้รับปริญญาของมหาวิทยาลัยเขามีความสุขแต่ไม่สนใจหรือใส่ใจในสิ่งที่แสบสันต์ พยายามให้ร้ายแก่มหาวิทยาลัยเพราะบุคคลที่ได้รับการยกย่อง เชิดชูเกียรติให้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ เขามีสิ่งดีที่สมควรจะได้รับจริง ๆ ประกอบกับความเข้าใจอย่างชัดแจ้งว่า...จู่จู่ก็มีคนโจมตี...ทั้ง ๆ ที่กิจกรรมทั้งหมดที่ทางมหาวิทยาลัยกระทำให้แก่คน เป็นสิ่งที่ดีและความดีจึงไม่มีคำว่า “เถื่อน” เมื่อมีผู้กล่าวหาหรือพยายามโจมตี ทำลายมหาวิทยาลัย วิพากษ์วิจารณ์ต่อว่าเหน็บแนมเหล่าบรรดาผู้รับปริญญาไปในทำนองที่เป็นความเท็จไม่สร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นพระ เป็นศิลปินผู้มีชื่อเสียง คนดีของสังคม แสบสันต์ก็นำภาพมาเยาะเย้ยในทำนองดูถูกดูแคลนราวกับว่า...ท่านเหล่านั้นโง่เขลา ไม่มีภูมิปัญญาจะเข้าใจอะไรต่าง ๆ แล้วพยายามอ้างกฎหมาย อ้างหน่วยงานราชการนำเอกสารที่ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของทางราชการ มาตีความแบบโง่ ๆ ไร้ความรู้ความเข้าใจในหลักกฎหมาย พยายามตีความสนับสนุนความคิดชั่วของตน เพื่อชักนำคนให้หลงเชื่อ แต่ก็ไม่เป็นผล...ทั้ง ๆ ที่นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม พยายามทำทุกวิถีทางแต่ไม่เป็นผล ไม่มีคนเขาเอาด้วยแจ้งความก็ยังเงียบ...แถลงข่าว...นักข่าวก็ไม่เอาด้วยแถมไปเขียนข้อความโจมตีเจ้าของอาชีพเขาอีก นักข่าวอาชีพเขาก็ต้องรักศักดิ์ศรี รักอาชีพของเขาซิ

            ความผิด ความเถื่อน หรือความหมายอื่นใดที่ แสบสันต์ พยายามยัดเยียดให้แก่มหาวิทยาลัยและผู้บริหาร “ศาลเท่านั้นจะเป็นผู้ชี้” ว่าแต่ว่าตอนนี้ทำยังไงก็ยังไม่ไปถึงศาล เพราะ นายแสบสันต์ มิใช่ผู้เสียหาย และผู้ที่ควรจะเป็นผู้หายที่นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม พยายามอ้างความดี ความถูกต้อง เพื่อจะปกป้อง...เขาเหล่านั้นมีความสุขดี ไม่รู้สึกว่าถูกหลอกหรือถูกต้มตุ๋น ไม่รู้สึกว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัย คนใดฉ้อโกง ทุกท่านยังภาคภูมิใจในเกียรติ แต่ทำไม “แสบสันต์ ประสาทเสื่อม” จึงดิ้นทุรนทุราย จึงสติแตก จึงคลุ้มคลั่ง  เพราะว่าความโลภ ความโง่เขลา ความชั่ว ความอุบาทว์ ความจัญไร ความระยำ กำลังครอบงำความคิดของ เขามีอาชีพ กรรโชกทรัพย์เลี้ยงลูกน้องเขาไม่ใช่สื่อ เขาไม่กล้าในสังคมเมือง เขาขาดวิสัยทัศน์แห่งความดีและเขาขาดวิวัฒนาการแห่งการสร้างสรรค์ เขาขาดความเข้าใจในตัวเอง เขาคิดว่าเขาดี เขาคิดว่าเขาแน่ เขาคิดว่าเขาคือ ผอ.ของสื่อ เขาคิดว่าคนจะต้องรู้จักเขา...เขาโง่เขลาจริง ๆ เขาไม่ยอมรับว่าเขาไม่ใช่สื่อ...เขาพยายามโอ้อวดว่าจบตรี...จบโท กำลังเรียนเอก...น่าเห็นใจสถาบันที่มีคนประเภทนี้เข้าไปเรียน แล้วทำไมผลผลิตออกมาเป็น “นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม”  ทำไมตอนนี้นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม อาละวาดหนักทางอินเตอร์เน็ต ยิ่งอาละวาด...ยิ่งประจานคุณภาพของตัวเองยิ่งเปิดเผยธาตุแท้ว่า...เหตุใด นายแสบสันต์ จึงอ้างพี่น้องชาวไทย ทำไมกล่าวร้ายแบบโง่ ๆ

            คนที่เจริญแล้วทางด้านจิตใจใครเขาบังอาจนำเอารูปแบบในบรรยากาศที่ดี ๆ บรรยากาศที่เป็นมงคลมีการสวดมนต์ กรวดน้ำ มุทิตา การกล่าวอวยพรแสดงความยินดี ภาพที่มีผู้รับปริญญาที่ นายแสบสันต์ และแก๊งนำมาใช้...เพื่อหวังจะทำลาย ล้อเลียน เยาะเย้ย เป็นภาพถ่ายที่อยู่ในบรรยากาศที่ดี แต่เพราะจิตชั่ว ความคิดอัปปรีย์ไม่มีหนทางทำมาหากิน นำภาพที่ดี ๆ ไปบิดเบือนให้ร้ายแล้วบอกว่า...เพื่อปกป้องมิให้คนหลงเป็นเหยื่อ  แล้วมีใครบ้างที่โง่เขลาเบาปัญญาและได้รับเกียรติให้รับปริญญาบัตร ยิ่งถ้าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้วก็มีฝ่ายตรวจสอบ เขาได้ตรวจสอบ เขาติดตาม เขาสนับสนุนอุดมการณ์แห่งสันติภาพ เขาจึงเห็นด้วยจึงนำเสนอผู้ใหญ่ให้ได้รับเกียรตินี้ แต่ “นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม” คนจัญไรอัปปรีย์...กลับไร้สติปัญญาที่จะเข้าใจและกลับตัวกลับใจ แสบสันต์ ประสาทเสื่อม กำลังถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว หลายคดี ยังไม่รู้ชะตากรรม แต่ที่หนัก...แบบไม่ธรรมดา...แสบสันต์ ประสาทเสื่อม กำลังบ้า ดุจผีสิง เข้าข่ายหมิ่น...บุคคลสำคัญ

            ใครที่เป็นลิ่วล้อของ แสบสันต์ ประสาทเสื่อม ถ้าไม่รักอนาคต...และไม่ประสงค์ที่จะเป็นตัวการร่วมและผู้สนับสนุนต้องครุ่นคิดให้หนัก และควรจะถอยห่างอย่างเร่งด่วน ตอนนี้แสบสันต์ ประสาทเสื่อม กำลังจะมั่งคั่งไปด้วยคดีอาญา และจะโดนของจริงที่แสบสันต์ จะต้องขยาดจนอาจจะลืมคาถา วิชามารไปก็ได้ “โจท” มีมากมายอย่างแน่นอน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับปริญญาและภาคภูมิใจในสิ่งที่เขาได้ “แสบสันต์” ไม่มีค่าเทอม ไม่มีค่ารถ ไม่มีค่าปรับ ไม่มีให้ลูกน้อง ไม่มีใครเห็นใจ ไม่มีที่นอนเป็นหลักแหล่ง ไม่มีเวลาอีกมากมายนักที่จะซ่าแหกตาให้ร้ายผู้อื่นทางอินเตอร์เน็ต ปกติการใช้อินเตอร์เน็ตคนที่เขาเจริญทางจิต เจริญทางใจ เขาจะใช้อินเตอร์เน็ตในทางสร้างสรรค์ แต่แสบสันต์ กลับเลือกใช้ในทางทำลายผู้อื่น แล้วจะไปรอดหรือ...?

            แสบสันต์ ประสาทเสื่อม พยายามโทรหาบุคคลต่าง ๆ ทั้งเชิงพูดเหมือนเป็นผู้รับ ข่มขู่เป็นนัย ๆ คล้าย ๆ กับนักกฎหมายถ้าประชาชนที่ไม่รู้กฎหมายฟัง นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม พูดก็อาจจะกังวลบ้าง รำคาญพอสมควร

            แค่คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย รู้ทันเกมส์ รู้ทันความเคลื่อนไหวของ “โจร เสือก” ผู้ใหญ่บางคนถึงกับบ่นว่า “แล้วมันเสือกทำไม จะเอาอะไรกันแน่” แล้วมันทำเพื่ออะไร...? จะมองมันเป็นนักเลงก็ไม่ใช่...เพราะนักเลงเขาก็ไม่ใช้นิสัยแบบนี้ สิ่งที่น่าสังเกตสำหรับ นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม คือ..เขาพยายามทำตัวเหมือนกับเป็นคนสำคัญแทนคนอื่นโดยที่คนอื่น ๆ (เสือก) ทั้ง ๆ ที่คนอื่นมิได้เดือดร้อนขอความช่วยเหลืออะไร (แบบนี้ชาวบ้านจะเรียกว่า...เสือก) ถ้ามีผู้เสยหายที่ได้รับความเดือดร้อน...เขาก็มีตำรวจ...มีเจ้าหน้าที่ของรัฐคอยดูแลแต่ แสบสันต์ ประสาทเสื่อม...เป็นบุคคลที่เขาเรียกว่า... “เสือก” เป็นการ “เสือก” เพราะผิดหวังเรื่องผลประโยชน์ กรรโชกทรัพย์ไม่สำเร็จ...จะเคี้ยวหินอ่อนของ World Peace ก็เคี้ยวไม่ออก จะแทะก้อนเกลือแห่งเทือกเขาหิมาลัยก็แทะไม่ออก... “โจรเสือก” ในคราบของผู้ปรารถนาดีต่อสังคม...พยายามชั่วไม่สำเร็จก็กลายเป็นโจรหน้าแตก เพราะความฉลาดมีจำกัด สิ่งที่ไม่จำกัดก็คือ ความโกรธและความโง่เขลา...ก็เลยสร้างภาพ สร้างเรื่อง และเคลื่อนไหวกลบเกลื่อน...แสบสันต์ ประสาทเสื่อม จึงกำลังคลุ้มคลั่งในสื่ออินเตอร์เน็ต กำลังจะหมดภูมิความรู้ ไม่มีความรู้ประเทืองปัญญาให้แก่สังคม นอกจากการกล่าวให้ร้ายสั้น ๆ โจมตีสั้น ๆ วกไปวนมา หารูปโพสต์โดยพยายามใส่ความที่ไม่ดีให้สังคมได้อ่านสันดานตนเองว่าไอ้คนประเภทแบบนี้จะมีโอกาส มีอาชีพที่ดีเพื่อเลี้ยงตัวได้ทางไหนบ้างก็ขอให้ท่านผู้อ่านพิจารณาดูว่าเหตุใด...นายแสบสันต์ ประสาทเสื่อม ซึ่งใคร ๆ ก็ไม่รู้จักมาก่อนพยายามอ้างความชั่วบวกความเท็จใส่ความต่อ มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก เพราะเขาต้องการเงินจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยแต่ไม่สำเร็จ อยากเป็นอธิการเพื่อไปทำมาหากินก็ไม่สำเร็จ (หุ่นไม่ให้ แต่ใจมันรัก) ท่านลองคิดดูซิว่า...โจรชั่ว พยายามกรรโชกทรัพย์แล้วไม่ได้จึงพยายามกลายพันธุ์เป็นคนดีแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ก็เลยใช้ปัญญาชุ่ย ๆ ชั่ว ๆ ...ใส่ไข่ ใส่ความผู้บริสุทธิ์ แล้วรอการติดต่อเพื่อเจรจานั่นคือ...เหยื่อในอดีต แต่เหยื่อรายใหม่คือ “มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก” มันเคี้ยวไม่ออก เลียก็ไม่ได้สัมผัสรสแล้วมันจะเป็นคนดีมาจากไหน “ที่มุ่งโจมตีให้ร้ายอย่างเดียว” แต่ปกปิดพฤติกรรมชั่วของตนไว้...นั่นคือโจรชั่วดี ๆ นี่เอง...มิใช่กล่าวลอย ๆ ตรวจสอบประวัติและกำพืดให้ลึก ๆ แล้วจึงรู้ว่าไอ้หมอนี่...คือขยะสังคม

            จะอ้างเป็นสื่อแต่มารยาทความเป็นสื่อไม่มี...แต่พยายามแอบอิงสื่ออาชีพมาเป็นเกราะหากินโจรชั่วพวกนี้ พยายามใช้คำใหม่ที่ดูดี เพื่อปกปิดความชั่วให้สังคมเห็นใจ...ชั่วจนชิน หากินอย่างอื่นไม่เป็น

“คำว่าอุดมการณ์”                ถูกใช้เพื่อปิดบังคำว่า                          “หน้าด้าน”
“หนังสือพิมพ์”                    ถูกใช้เพื่อปิดบังคำว่า                          “กระดาษเปื้อนหมึกเย็บเล่ม”
“กระทำผิดกฎหมาย”          ถูกใช้เพื่อปิดบังคำว่า                          “ความหิวกระหายของโจรที่ผิดหวัง”
“เราต้องปกป้อง”                 ถูกใช้เพื่อปิดบังคำว่า                          “ความทุจริตที่ไม่แนบเนียนมีคนรู้ทัน”
“ที่นี่ประเทศไทยต้องใช้กฎหมายไทย”          ถูกใช้เพื่อปิดบังคำว่า          “ความมืดบอดทางปัญญาไร้วิสัยทัศน์มองโลกไม่เป็น”

-                   ทำไมผู้รับปริญญายังคงรับปริญญาทั้ง ๆ ที่เขารู้ว่า “เบาะทรุด” กำลังโจมตีมหาวิทยาลัย...คนเหล่านั้นที่เป็นผู้ใหญ่เขาบอกว่า “เดี๋ยวมันก็ตายเอง” เพราะมันไม่มีที่มาที่ไป ประวัติมันสั้นมันไม่ดี

-                   ยิ่งโฟสต์ข้อความให้ร้ายหรือรูปภาพให้คนเห็นเป็นมุมมองที่ไม่ดีเท่าใด ก็เท่ากับยิ่งประจานตัวเองมากเท่านั้น

-                   ถ้าตรวจสอบประวัติผู้อ้างตัวเป็นผู้ปกป้อง ผู้รักความถูกต้อง ผู้รักความเป็นธรรมอย่างเช่น แสบสันต์ ประสาทเสื่อมกับการตรวจสอบประวัติของผู้รับปริญญา เปรียบเทียบกันก็รู้ได้ทันทีเลยว่า...ไอ้หมอนี่มันคลุมเครืออำพรางความชั่วซึ่งต่างกันดุจพานทองคำกับกะลามะพร้าวเลยแหละ

-                   ถ้าดูการทำงานที่ออกสังคมเสนอหน้าต่อสาธารณะก็ไม่กล้านักเพราะของปลอม ของเทา ๆ ไม่กล้าเผชิญกับของจริง...ถ้าหากไปอยู่ท่ามกลางสื่ออาชีพจริง ๆ ก็ต้องหลบ ๆ หน้าตา...เพราะรู้ตัวว่า... “หน้าไม่อาย”

ทำไมแสบสันต์ ประสาทเสื่อม มักจะพูดแต่เรื่องเงินว่าคนนั้นเก็บเท่านั้น เท่านี้ เพราะอะไร (เพราะแสบสันต์หิวมากแต่ไม่ได้กิน) หิวเงินและขาดเงิน อยากได้เงินต้องใช้สติปัญญา สร้างกิจการ กิจกรรมขึ้นมา ไม่ใช่ว่าหาช่องทางกล่าวหาคน ขู่คนให้คนกลัว...ฟังคำบอกเล่าที่นายแสบสันต์ พยายามคุย ขู่ หลอก ล่อ อาจารย์สมบัติ เมื่อวันก่อนแล้วยิ่งทำให้รู้เช่นเห็นชาติเลยว่า...บรรดาสัตว์ในเทพนิยายยังมีความประเสริฐกว่า มนุษย์ชั่ว ๆ ที่หากินแบบ...ไร้ปัญญาจริง ๆ

            ไอ้ตัวรีดเงินมันไม่สน พระเถร เณร ชี แกล้งแม่ชีได้ 5 ล้าน แต่ไม่ได้นำเงินไปทำบุญให้บรรพบุรุษจึงเอาเรื่องราวของคนตายแล้ว มาหากินอีก มีหนังสือพิมพ์ฉบับไหนบ้างที่ผู้บริหารระดับสำคัญที่เขาออกมาทำตัวแอ็คชั่นให้ลิ่วล้อปัญญาอ่อนถ่ายรูปให้แล้วนำมาอวดใน Facebook มันประสาทเสื่อมเหมือนกันเป็นคณะจริง ๆ มีคนเปรียบเทียบว่า ถ้าเอาหมามาใส่กางเกงยังดูดีกว่าหรือไม่ ก็เอาลิงกังมาสวมหมวก สวมแว่นตา ก็ดูดีกว่าโจรชั่ว เอาความปรารถนาดีต่อประชาชนมาอ้างเพื่อกลบเกลื่อนความชั่ว ถ้าไม่เป็นแบบนี้ มันเจริญไปนานแล้ว ทุกวันนี้...สัมภเวสีในคราบของ...กระดาษเปื้อนหมึกเย็บเล่มยังไม่สำนึก แสบสันต์ ประสาทเสื่อม โจรชั่วแห่งสำนักเบาะทรุด ไม่รู้จักคำว่า...วิธีการคิด...ไม่รู้จักคำว่า...แนวทางสร้างสรรค์ไม่รู้จักคำว่า...วิวัฒนาการไม่รู้จักคำว่า “ถูก” “ผิด” ความดีไม่มีคำว่า “เถื่อน” ความชั่วจึงไม่มีคำว่าปรารถนาดีความสวยงามที่ถูกบิดเบือน เขาเรียกว่า “โง่เขลาเบาปัญญา” เกาะอาชีพ...สื่อเขาหากินแบบชั่ว ๆ แล้วจะให้คนยอมรับอย่างไร ยิ่งเห็นการเขียนข้อความพยายามยุแหย่ แหกปากถลนตาหาคนมาช่วยเป็นแนวร่วม “เครือข่ายผู้ต่อต้านปริญญาเถื่อน...รู้สึกเศร้าใจกับเจ้าหนู หนวดแมว ที่ขาดการอบรมในเรื่องสมบัติผู้ดีจริง ๆ โบราณชอบด่าคนพฤติกรรมแบบนี้ว่า “ลูกพ่อแม่ ไม่สั่งสอน” แต่เอาเถอะให้อภัยได้เพราะ แสบสันต์ ประสาทเสื่อม ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใครจึงอวดโม้อหังกาว่าถ้าพ่อทำผิด ก็จะจับพ่อ โธ่...ชีวิตวิธีคิดหากินยังสู้ขอทานที่ร่างกายพิการไม่ได้เลย...แสบสันต์...ใกล้วันอวสานหมอดูใหญ่...บอกว่า...อย่าไปทำอะไรเขาเลยเพราะตอนนี้ดวงของเขาจะเช้าสู่เวลา...วินาศในอีก 8 ชั่วโมง...? 8 วัน...? 8 สัปดาห์...? 8 เดือน...? อ้าว....แฟน ๆ ช่วยลุ้นกันหน่อย…เห็นเขาว่าคนจะทำให้แสบสันต์ ตายทั้งเป็นมีเพศเป็นหญิง จริงหรือไม่จริงก็ต้องคอยดูลิงใส่แว่นเรย์แบน จะจบเห่อีท่าไหน พี่น้องชาวไทยโปรดอย่ากระพริบตา....

เคียว คมกระบี่
            

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หม่อมราชวงศ์จิราคม กิติยากร ได้กรุณารับปริญญากิตติมศักดิ์สาขาสันติภาพโลก

    
 หม่อมราชวงศ์จิราคม กิติยากร ได้กรุณารับปริญญากิตติมศักดิ์ สาขาสันติภาพโลก พร้อมด้วยสวมครุยมหาวิทยาลัย World Peace Academy Cyber U Pakistan
     และท่านได้กรุณาเป็นประธานในการมอบปริญญาบัตรแก่บุคคลสำคัญต่างๆ พร้อมด้วยใบแต่งตั้งคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย ในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ด้วยเช่นเดียวกัน



เรื่องน่าคิดสำหรับวิธีคิดด้านการศึกษาและกรณีของการสร้างข่าวทำลาย มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก


เรื่องน่าคิดสำหรับวิธีคิดด้านการศึกษาและกรณีของการสร้างข่าวทำลาย
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก

            หลายคนคงไม่เคยเฉลียวใจเลยว่า ก่อนการเกิดสถาบันการศึกษาใด ๆ ขึ้นมาในโลกนี้ ย่อมต้องมีผู้ริเริ่มในการเป็นครูคนแรกและครูคนแรกได้เรียนรู้จากใคร ก็คือเรียนศึกษาด้วยตนเองเป็นประสบการณ์ที่ศึกษาจากภายในที่ถือว่าเป็นสติปัญญาขนานแท้และดั้งเดิมของมนุษย์ และผู้ที่มีสติปัญญาขนานแท้จากภายในจึงได้ถ่ายทอดความรู้สู่คนแต่ละรุ่น แต่ละยุค

            การศึกษาการให้ความรู้เรื่องราวที่มาจากสติปัญญาขนานแท้จึงทำให้ผู้เรียนมีความสุข และนำสิ่งที่ได้เรียนไปปฏิบัติจึงสามารถสร้างความก้าวหน้าให้กับชีวิตได้ ผู้ที่ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ถือว่าเป็นผู้ที่ได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตด้วยการใช้สติปัญญาขนานแท้ จึงสามารถนำพาชีวิตให้ประสบความสำเร็จสามารถให้ผู้อื่นได้พึ่งพาอาศัยจากสิ่งที่ตนเป็นผู้ริเริ่มกระทำได้

            ปริญญากิตติมศักดิ์ ของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก จึงเป็นปริญญาชีวิตขนานแท้เช่นเดียวกัน ดังนั้นผู้ที่ได้รับจึงเป็นผู้ที่มีความสุขจากสิ่งที่ตนเองได้รับยกย่องเชิดชูและประกาศเกียรติคุณ ความสมดุลย์แห่งชีวิตของมนุษย์อีกด้านหนึ่งจึงน่าจะนำเรื่องของการศึกษาด้วยสติปัญญาขนานแท้มาใช้เป็นองค์ประกอบและควรจะดำเนินการขยายความคิดด้านการศึกษาจากภายในให้กว้างขึ้น

สำหรับในปัจจุบันการศึกษาโดยทั่วไปเป็นการศึกษาจากภายนอก คือการศึกษาให้มีปริญญา และใบปริญญาจะมีคุณค่ามากยิ่งขึ้นถ้าหากผู้ใช้นำไปใช้ควบคู่กับปริญญาขนานแท้ แต่ในสังคมปัจจุบันมักจะหาได้น้อยนักที่มีใบปริญญาและสติปัญญาขนานแท้ควบคู่กันไปด้วย ในอดีตที่ผ่านมาสติปัญญาขนานแท้จากภายในของผู้ประสบความสำเร็จมักจะไม่ค่อยจะได้รับการยอมรับจากผู้นิยมปริญญาจากภายนอก จึงไม่มีผู้นิยมปริญญาจากภายนอก มอบปริญญาให้แก่ผู้ที่มีสติปัญญาขนานแท้จากภายใน

เมื่อ มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ได้กล้าริเริ่มที่จะดำเนินการมอบปริญญากิตติมศักดิ์ แก่ผู้ที่มีสติปัญญาจากภายใน อันถือว่าเป็นปริญญาชีวิตผู้ที่ติดยึดอยู่กับปริญญาภายนอกย่อมจะมองไม่เห็นและมีปฏิกิริยาในทางต่อต้าน จึงเกิดกระบวนการแสดงออกในท่าทีของการไม่ยอมรับ และมีการดำเนินการเพื่อขัดขวางและทำลายในหลายรูปแบบ แต่ก็มิได้มีผลต่อผู้ริเริ่มมุ่งหมายที่จะให้การศึกษาด้วยสติปัญญาขนานแท้ที่ได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นไปอย่างเป็นระบบ เป็นระเบียบและมีคุณภาพ ความไม่เห็นด้วยแต่มีความคิดใหม่ที่ดี ๆ มาช่วยเสริมสร้างน่าจะเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นเพื่อให้กระบวนการคิด การปฏิบัติด้วยสติปัญญาขนานแท้จากภายในเติบโตควบคู่กันไปจึงเป็นสิ่งที่น่ายกย่องและเชิดชู แต่ความไม่เห็นด้วยภายหลังจากการมีพฤติกรรมชั่ว เพียงเพื่ออิงแอบหาผลประโยชน์หาชื่อเสียงที่มิได้มาจากสติปัญญาขนานแท้จากภายในแล้วมีการขัดขวางทำลายทุกรูปแบบ ปรากฏการณ์เช่นนี้มักจะไม่ควรมีหรือไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนในสังคมไทยและสังคมโลก ดังนั้นในกรณีที่ นายเสฃสัณฑ์  ปะเสิด ผอ.เบาะทรุด ได้เป็นผู้ริเริ่มด้วยพฤติกรรมชั่วดังกล่าวโดยใช้สามัญสำนึก และอ้างกฎหมายตีความเองข้าง ๆ คู ๆ ไม่ลึก ไม่กว้างและไม่กระจ่างจึงไม่สามารถขยายความคิดชั่วให้เกิดการยอมรับโดยกระบวนการทางกฎหมายได้ เพราะการกระทำนั้น นายเสฃสัณฑ์  ปะเสิด ผอ.เบาะทรุด มีการกล่าวและกระทำต่อผู้ที่มีสติปัญญาทั้งจากภายในและภายนอก และเป็นผู้ที่มีคุณวุฒิอยู่แล้วทางสังคม ไม่มีผู้ใดที่เป็นผู้ที่โง่เขลาหรือด้อยปัญญาที่จะไม่สามารถแยกแยะอะไรด้วยตนเองได้

            กิจกรรมของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก จึงดำเนินการไปได้ และสามารถขยายได้อย่างรวดเร็ว แต่การนำเอกสารทางราชการหรือสิ่งดี ๆ ที่ผู้อื่นกระทำด้วยพื้นฐานแห่งสามัญสำนึกที่ดีที่ถูกต้องไปใช้ในทางที่เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเอง เพื่อเป็นเอกสารประกอบในการสนับสนุนพฤติกรรมชั่วของตัวเอง จึงไม่สำเร็จถึงแม้ดูเหมือนจะสะใจหรือสมใจ แต่ความชั่วดังกล่าวจะไม่ประสบผล คนที่อ่านและพิจารณาภาษาอักษรหรือภาพต่าง ๆ ที่นายเสฃสัณฑ์  ปะเสิด ผอ.เบาะทรุด พยายามนำไปบิดเบือนเจตนารมณ์ที่ถูกต้อง รวมทั้งบทสนทนาในกลุ่มก๊วนของคณะมิจฉาชีพ “เบาะเสื่อม” จึงรู้ได้เองว่า...พื้นฐานความคิดพื้นฐานสติปัญญาจากภายใน ยังอยู่ห่างไกลความเจริญอีกมากมาย

 สังคมจึงมีคำถามว่า “นายเสฃสัณฑ์  ปะเสิด ผอ.เบาะทรุด” เป็นใครที่พยายามปล่อยข่าว

คำตอบคือ มิจฉาชีพแขนงหนึ่งซึ่งมีความชำนาญด้านการนำวัตถุดิบที่มีอยู่มาประยุกต์ และปรับสภาพให้เป็นไปในแนวทางของมิจฉาชีพที่สามารถนำไปอำผู้ที่ขาดพื้นฐานแห่งความเข้าใจ ขาดข้อมูลดั้งเดิมที่จะนำมาประกอบพิจารณาหาความจริง การนำหน่วยงานราชการและเอกสารที่มิใช่วัตถุประสงค์ของผู้ออกเอกสารในการเผยแพร่ต่อสาธารณะ จึงเป็นวิธีการของมิจฉาชีพแห่งยุคปัจจุบันอีกแขนงหนึ่ง

            ดังนั้นผู้ที่รักความก้าวหน้าของสังคมผู้ที่มองเห็นหนทางแห่งการให้ปัญญาแก่สังคมผู้ที่มองเห็นหนทางแห่งการให้ปัญญาแก่สังคมผู้ที่มองเห็นหนทางแห่งการส่งเสริมและสร้างสันติภาพจึงมีความชัดเจนและมีความเห็นพ้องกันโดยสรุปว่า นายเสฃสัณฑ์  ปะเสิด ผอ.เบาะทรุด เป็นมิจฉาชีพแต่สร้างภาพแห่งการเรียกร้องความถูกต้องต่อสังคม มากลบเกลื่อนอาชีพที่ตนเองแอบแผงหากินอย่างไม่สุจริตมาเป็นเวลายาวนาน “นายเสฃสัณฑ์  ปะเสิด ผอ.เบาะทรุด” จะกลายเป็นตำนานของมิจฉาชีพเชิงสร้างสรรค์ไปในแนวทางแห่งความชั่ว...ของสังคมไทยในไม่ช้านี้ และขอเป็นกำลังใจให้คนดีอย่าท้อแท้เพราะมี สัจธรรมคือ “ความดีย่อมชนะความชั่วเสมอไป”

                                                                                    ดุษฎีสีขาว